นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ลงนามในสัญญาจ้างงานจ้างก่อสร้างโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) กับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD ) ระยะทาง 16.21 กิโลเมตร มูลค่าสัญญา 18,699.93 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน
คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) เมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 เพื่อรองรับการให้บริการด้านการจราจรและขนส่งให้สอดคล้องกับการพัฒนาและการเจริญเติบโตของพื้นที่ตัวเมืองที่มีแนวโน้มพัฒนาไปทางทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร อย่างรวดเร็ว โดย กทพ.หารือกับ ITD เร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2570 เร็วกว่าแผนงานประมาณ 6 เดือน คาดปริมาณจราจรเกือบ 40,000 คัน/วัน ค่าผ่านทางเริ่มต้น 20 บาท สูงสุด 45 บาท
สำหรับการส่งมอบพื้นที่นั้น ขณะนี้ต้องรอกระบวนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินก่อน ซึ่ง ครม.เห็นชอบพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน แล้วรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน คาดจะเข้าเวนคืนได้ภายในปลายปีนี้ กทพ.มีความพร้อมและประสบการณ์มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา ในส่วนของที่ดินหน่วยงานราชการ บริเวณถนนกาญจนาภิเษก จะเจรากับกรมทางหลวงเพื่อจัดแผนก่อสร้างให้เหมาะสมเนื่องจากมอเตอร์เวย์มีปริมาณรถจำนวนมาก โดยจะเน้นทำงานช่วงกลางคืน รวมถึงหารือเทคนิคก่อสร้างกับ ITD เพื่อลดผลกระทบจราจรบนมอเตอร์เวย์ให้มากที่สุด หากได้ข้อสรุป จะเร่งจัดทำแผนก่อสร้างเพื่อเข้าพื้นที่ก่อสร้างให้เร็วที่สุด
ด้านนายสุเมธ สุรบถโสภณ รองประธานบริหารอาวุโส ITD กล่าวว่า โครงการนี้เป็นทางพิเศษยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร โครงสร้างเป็นรูปแบบ Slab on Girder แบบเสาเดี่ยว ก่อสร้างบนระบบฐานรากเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านบุคลากร ทั้งวิศวกรและทีมงานที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูง และมีการจัดหาเครื่องจักรทันสมัยที่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้าง อีกทั้งมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตที่มีคุณภาพสูงสำหรับใช้งานก่อสร้าง
“บริษัทมีความชำนาญในเทคโนโลยีนี้ ซึ่งใช้ในการการก่อสร้าง ทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) โครงการทางด่วนพระราม3- ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกฯ สัญญา 3 ซึ่งเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร จากโรงพยาบาลบางปะกอก 9-ด่านดาวคะนอง ซ้อนทับไปบนทางด่วนเดิม ซึ่งการทำงานเป็นไปด้วยดี ดังนั้นขอให้มั่นใจว่า บริษัทจะทำโครงการทางด่วนช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา ได้สำเร็จตามเป้าหมาย ส่วนจะทำงานเสร็จเร็วขึ้น 6 เดือนขึ้นกับที่จะมีการส่งมอบพื้นที่ให้เร็วแค่ไหน”
นายสุเมธ กล่าวถึงปัญหาสภาพคล่องของบริษัทที่เกิดขึ้นช่วงปลายปี 66 ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้เจรจากับสถาบันการเงินทำให้ปัญหาเริ่มคลี่คลายแล้วและโครงการที่จะได้รับเข้ามาในปี 67 เบื้องต้น 2 โครงการ คือทางด่วนช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา วงเงินประมาณ 18,660 ล้านบาท และ โครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา วงเงินประมาณ 13,200 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนทางการเงินเป็นอย่างดี ไม่น่าห่วง และคาดการณ์ว่าจบปีนี้บริษัทจะมีปริมาณงานในมือ (backlog) ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท
“ยอมรับว่าปีที่ผ่านมาเป็นวิกฤติของบริษัท ซึ่งได้พูดคยกับสถาบันการเงินและพร้อมสนับสนุนบริษัท ซึ่งนอกจากสนับสนุนรายโครงการแล้ว มีการปล่อยกู้อีก 7,000-8,000 ล้านบาทให้บริษัทใช้สำหรับเป็นทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการบริษัท”
ทั้งนี้ ปริมาณงานในปีนี้อาจไม่สูงมาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดโควิด และมีการเลือกตั้ง มีการเปลี่ยนรัฐบาลและมีขั้นตอนการทำงบประมาณประจำปี ต้องใช้เวลาดำเนินงานส่งผลให้งานใหญ่ของภาครัฐไม่ค่อยออกมา ซึ่งผู้ประกอบการทั้งอุตสาหกรรม มีปัญหาและได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันหมด ซึ่งตอนนี้เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะเห็นปัญหาและคงจะผลักดันโครงการใหม่ออกมาเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็ว
สำหรับโครงการที่บริษัทติดตามและสนใจเข้าร่วมประมูล แต่ต้องรอดูความชัดเจนนโยบายภาครัฐก่อนว่าจะเปิดประมูลช่วงปลายปี 67-68 กี่โครงการ ทั้งโครงการ รถไฟทางคู่เฟส 2 ,โครงการทางพิเศษ ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก หรือ N2 เดิม ,โครงการทางพิเศษกะทู้ – ป่าตอง จ.ภูเก็ต ,โครงการขยายท่าอากาศยานดอนเมือง,ท่าอากาศยานสุวรรณภุมิ,ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในปัจจุบันมีการปรับขึ้นมาบ้าง เช่น ค่าแรง หากมีการปรับเป็น 400 บาทก็จะกระทบ เพราะมีสัดส่วนของต้นทุนค่าแรงราว 25-30% นอกจากนี้มี ค่าเหล็ก ซึ่งปีนี้ปรับขึ้นลงบ้างแต่ผันผวนลดลงกว่าปีก่อน แต่ยังมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพได้หลังจากดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 67)
Tags: ITD, สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข, อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, โครงการทางพิเศษ