กลุ่มกรีนพีซ เอเชียตะวันออก เปิดเผยรายงานระบุว่า จีนซึ่งเป็นผู้สร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ลดจำนวนการออกใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินใหม่ลงเกือบ 80% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
รายงานของกรีนพีซ เอเชียตะวันออก ซึ่งอ้างอิงข้อมูลการอนุมัติโครงการใหม่ยังบ่งชี้ด้วยว่า ขีดความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์รวมกันของจีนอยู่ที่ 11.8 เทราวัตต์ (TW) ซึ่งเกินกว่าขีดความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินที่ 11.7 TW เป็นครั้งแรกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และคิดเป็น 84.2% ของกำลังการผลิตใหม่ในโครงข่ายไฟฟ้าทั้งหมด
รายงานดังกล่าวซึ่งเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (20 ส.ค.) ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จีนเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินจำนวน 14 แห่งที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 10.3 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งลดลง 79.3% จากช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566
เกา หยูเหอ หัวหน้าโครงการกรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า การขยายตัวของการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าการชะลอตัวนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้ถ่านหินในอนาคตหรือไม่ โดยถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอนสูง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยด้านพลังงานและอากาศสะอาดในเฮลซิงกิเชื่อว่า การปล่อยคาร์บอนของจีนอาจแตะระดับสูงสุดไปแล้วในปี 2566 และรายงานว่า การปล่อยคาร์บอนลดลง 1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 2 ของปี 2567 ซึ่งเป็นการลดลงรายไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 67)
Tags: กรีนพีซ, จีน, โรงไฟฟ้าถ่านหิน