EVER จ่อเปิดตัวโครงการ LUXURY HOME กว่า 726 ลบ.รับกำลังซื้อแนวราบคึกคัก

นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตของกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ประกอบกับการตอบรับที่ดีจากการเปิดขายโครงการแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัทจะเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์ มายโฮม โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99-15 ล้านบาทต่อแปลงในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ และการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 33 ยูนิต ภายใต้โครงการ 33 Residence ที่บริษัทฯได้เข้าซื้อที่ดินจาก สุวินทวงศ์ โกลด์ แอสเซ็ท มูลค่า 167 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการในปลายไตรมาส 4 ปีนี้ และรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งจะเป็นโครงการที่มีความหรูหราบ้านระดับพรีเมี่ยม Luxury Home

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77 ล้านบาท หรือ 27% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 285 ล้านบาท ขณะที่ งวด 6 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท หรือ 28% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 485 ล้านบาท

ภาพรวมผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง มาจากยอดขายที่บริษัทฯ เปิดขายและทยอยโอนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม” โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ 1 และ 2 และโครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต ที่ทยอยโอนบางส่วน เป็นต้น นอกจากนี้ มาจากโครงการแนวสูงย่านสนามบินน้ำ ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น

ปี 2567 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง จากยอดขายโครงการต่างๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 580 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปี 2567-2568 รวมทั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาการนำที่ดินจำนวน 1 แปลง ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบระดับพรีเมี่ยม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าภายในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนโครงการอสังหาฯ แนวราบเป็น 40-50% และในปี 2569 เพิ่มเป็น 55% จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top