ทางหลวง ฝากอธิบดีใหม่ สานต่อภารกิจเร่งงานก่อสร้างพระราม 2 – ผลักดันโปรเจ็คท์ค้างท่อ

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เตรียมส่งมอบภารกิจต่อให้ นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมทางหลวงคนใหม่ ซึ่งมีภารกิจท้าทาย ที่ต้องเข้ามารับช่วงต่อและผลักดันให้สำเร็จ ได้แก่ งานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ต้องเสร็จในปี 2568 , เร่งรัดการก่อสร้างงานโยธา โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. ให้แล้วเสร็จปลายปี 2567 นี้

ส่วนงานระบบ O&M จะเสร็จเปิดใช้เต็มรูปแบบกลางปี 2568, เร่งรัดการก่อสร้างงานโยธา โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 หรือมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. ให้เสร็จเพื่อให้เปิดวิ่งฟรีได้ตลอดสายปลายปี 2568 ตั้งแต่บางปะอิน – สระบุรี- ปากช่อง -โคราช ส่วนงานระบบ O&M จะเสร็จเปิดใช้เต็มรูปแบบ กลางปี 2569

นอกจากนี้ ยังต้องเร่งดำเนินโครงการพัฒนาคูน้ำริมทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ระยะ (เฟส) ที่ 2 จากกม.5+500-กม.30+300 ช่วงแยกดินแดงถนนวิภาวดีรังสิต-คลองบึงทะเลสาบ ระยะทาง 24.8 กม ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยที่กรมทางหลวงได้น้อมนำมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและปัญหาการจราจรสร็จประมาณเดือนตุลาคม 2567 เพื่อจะเดินหน้าในระยะที่ 3 ต่อไป

โครงการที่มีความพร้อม เตรียมเสนอครม. ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท ใช้รูปแบบการลงทุน PPP Net Cost เป็นเส้นทางแรก ซึ่งเป็นไปตามการศึกษาที่พบว่า มีความคุ้มค่าที่เอกชนจะลงทุน 100%

โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท การลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost โดย รัฐเป็นผู้ลงทุนค่าเวนคืนที่ดิน ส่วนเอกชนลงทุนก่อสร้างงานโยธาและการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) รัฐเป็นผู้ได้รับรายได้ค่าผ่านทาง และจ่ายค่าตอบแทนการให้บริการให้แก่เอกชน และรัฐใช้คืนค่าก่อสร้างภายหลัง ใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ จะเริ่มจ่ายค่างานโยธาเมื่องานก่อสร้างเสร็จแล้ว

รวมถึงเร่งรัด การศึกษาทบทวน มอเตอร์เวย์ เส้นทาง นครปฐม-ปากท่อ-ชะอำ ซึ่งมีการ ปรับปรุงรูปแบบ แบ่งดำเนินงาน 2 เฟส โดยเฟส 1 นครปฐม- ปากท่อ ระยะทาง 61 กม. วงเงินลงทุน ประมาณ 38,000 ล้านบาท ส่วนระบบ O&M วงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท จะดำเนินการก่อนเนื่องจากไม่ติดปัญหาเรื่องพื้นที่โดยกรมทางหลวง จะก่อสร้างโยธาเอง โดยใช้เงินกู้ คาดว่าจะเสนอครม.เห็นชอบโครงการและรูปแบบการลงทุน ประมาณปลายปี 2567 ซึ่งเส้นทางช่วงนครปฐม- ปากท่อ จะเชื่อมกับ มอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี ที่บริเวฯนครชัยศรี ทำให้การเดินทางลงสู่ภาคใต้มีความสะดวก มากขึ้น ลดความแออัดของถนนพระราม 2

ส่วน เฟส 2 ช่วงปากท่อ -ชะอำ ระยะทางประมาณ 60 กม. รูปแบบยังไม่จบเพราะต้องเคลียร์เรื่องแนวเส้นทาง เนื่องจากติดประเด็นที่ประชาชน ช่วงผ่านจ.เพชรบุรี เป็นโจทย์เมื่อ 4 ปีแล้วที่ประชาชนคัดค้าน ตอนนี้ กรมฯต้องลงพื้นที่ศึกษา อีกครั้งเพื่ออัพเดท ว่าจะมีความเห็นอย่างไรเพราะมีประชาชนบางส่วนอยากไปใช้แนวเพรชเกษม ซึ่งกรมฯได้ชี้แจงไปแล้วในทุกประเด็นรวมถึงมาตรการเยียวยา เส้นทางมอเตอร์เวย์ เป็นเส้นทางเสริมความมั่นคงในการเดินทาง กรณีน้ำท่วมหรือเกิดเหตุ ที่ทำให้เส้นทางถนนเพชรเกษม ถูกตัดขาดขึ้น จะมีอีกเส้นทาง ที่เป็นเส้นทางสำรอง สำหรับงบประมาณปี 2568 งบทางหลวงได้รับจัดสรรงบประมาณ เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท มีโครงการใหม่ที่ต้องเตรียมพร้อมจัดซื้อจัดจ้าง 4,700 โครงการ และเตรียมตั้งงบประมาณปี2569 ซึ่งเป็นอีกภารกิจของ อทล.คนใหม่

สำหรับโครงการร่วมลงทุนเอกชน (PPP) ที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการประกวดราคา ได้แก่ การพัฒนาและบริหารจัดการ โครงการที่พักริมทาง (Rest Area) บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา จำนวน 2 สัญญา และที่พักริมทาง (Rest Area) มอเตอร์เวย์ M 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จำนวน 1 สัญญา , การพัฒนาสถานที่บริการทางหลวง จุดพักรถ (Rest Stop) บนมอเตอร์เวย์สาย 7 และ มอเตอร์เวย์สาย 9 ได้แก่ 1. จุดพักรถมาบประชัน ,จุดพักรถหนองรี , สถานที่บริการทางหลวง บางละมุง และ 2. จุดพักรถคลองหลวง ,จุดพักรถทับช้าง ,จุดพักรถลาดกระบัง

การให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ระยะทาง 24.7 กม

นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังมีแผนผลักดัน มอเตอร์เวย์สายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับเชื่อมการขนส่งสินค้า ซึ่งจะมีการศึกษาต่อไป คือ มอเตอร์เวย์ ชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง) – ปราจีนบุรี (ทางหลวงหมายเลข 359)-นครราชสีมา อีกด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top