นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวขึ้น และเคลื่อนไหวในกรอบ หลังจากที่ได้รับ sentiment เชิงบวกจากการรายงาน GDP ไทย ไตรมาส 2/67 เมื่อวานนี้ที่ออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับความคาดหวังในการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดชุดใหม่เข้ามาทำงานและขับเคลื่อนนโยบายได้เร็ว ทำให้นักลงทุนคลายกังวล และมีความมั่นใจมากขึ้น
ขณะที่ตลาดยังคงรอการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แจ็คสัน โฮล เพื่อรอฟังสุนทรพจน์ของประธานเฟด โดยเฉพาะการส่งสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งตลาดยังคงให้น้ำหนักการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนการประชุมเดือนก.ย.นี้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
โดยให้แนวต้าน 1,330 จุด แนวรับ 1,310 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,896.53 จุด เพิ่มขึ้น 236.77 จุด หรือ
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 37,847.85 จุด เพิ่มขึ้น 459.23 จุด หรือ +1.23%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 17,661.69 จุด เพิ่มขึ้น 92.12 จุด หรือ +0.52% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,895.55 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ +0.06%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ส.ค.) 1,323.38 จุด เพิ่มขึ้น 20.38 จุด (+1.56%) มูลค่าซื้อขาย 62,385.85 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,464.67 ล้านบาท (19 ส.ค.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.(19 ส.ค.) ลดลง 2.28 ดอลลาร์ หรือ 2.97% ปิดที่ 74.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ส.ค.) อยู่ที่ 4.92 เหรียญ/บาร์เรล
–เงินบาทเปิด 34.25/29 แข็งค่าต่อเนื่อง ตลาดจับตากนง.พรุ่งนี้-ประชุมแจ็กสันโฮล
– สศช.แถลงจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.3% ครึ่งปีแรกขยายตัว 1.9% คาดทั้งปีโต 2.5% ชี้ลงทุนวูบ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ เตรียมชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้นายกฯ ใหม่รับมือ “เทรดวอร์” ส่วนดิจิทัลวอลเล็ต ถ้าไม่ทำต่อ ต้องหามาตรการอื่นมาช่วยผู้มีรายได้น้อย
– “นักเศรษฐศาสตร์” ห่วงเศรษฐกิจไทย ครึ่งหลังปี 67 เสี่ยงสูงขึ้น แม้ตัวเลขไตรมาส 2 ออกมาตามคาด “อีไอซี” ชี้ ลงทุนเอกชนทรุด ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยเข้าสู่วัฏจักรขาลงชัดเจนในครึ่งปีหลัง จ่อหั่นจีดีพีต่ำเป้าที่ 2.5% “เกียรตินาคินภัทร” ชี้ผลกระทบแบงก์ชะลอปล่อยกู้ กระทบสินเชื่อหด เริ่มมีผลกระทบเศรษฐกิจไทย ธุรกิจเริ่มมีปัญหามากขึ้น “ซีไอเอ็มบีไทย” ชี้ลงทุนเอกชนติดลบแรง สะท้อนการขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนเอกชนจับตาธุรกิจสภาพคล่องต่อเนื่อง หวั่นลามเป็นโดมิโนกระทบสถาบันการเงิน
– “แพทองธาร” เรียกประชุมทีมเพื่อไทย ถก”เศรษฐา”รับมอบงาน เป็นรัฐบาลต่อเนื่อง ตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีเข้ม ป้องกันจุดเสี่ยงเหมือนรัฐบาลเศรษฐา พร้อมสานต่อนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว ยึดกรอบกฎหมายก่อนเดินหน้าเงินดิจิทัล “สภาพัฒน์” เตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชง ครม.ใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เผยดิจิทัลวอลเล็ต มีทางเลือกหากไม่ทำโครงการสามารถโยกงบ ทำโครงการอื่นได้
– “ค่าเงินเอเชียแข็งค่าสุด รอบ 7 เดือน เงินบาทจ่อหลุด 34 บาทต่อดอลลาร์ หลังความกังวลภาวะถดถอยของสหรัฐ ลดลง-คาดเฟดลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. ผู้ส่งออกดักขายดอลลาร์ ด้าน “กรุงศรี” มอง ครึ่งปีหลังเงินบาทผันผวนต่อ
– สภาพัฒน์เตรียมหารือคลัง-แบงก์ชาติ หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ รบ.ใหม่ ชี้ถ้าโละดิจิทัลวอลเล็ตต้องมีมาตรการใหม่มาช่วยกลุ่มคนมีรายได้น้อย หอการค้าเชียร์เปลี่ยนเป็นเงินสดแทนแจกคนจน
หุ้นเด่นวันนี้
– TOP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 62.5 บาท มองเป็นหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงานที่คาดได้อานิสงส์ของฟันด์โฟลว์ต่างชาติ รวมถึงเป็นหุน้ ที่มองว่าจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็ง ขณะที่ด้านปัจจัยพื้นฐานในส่วนของค่าการกลั่นมีทิศทางของการฟื้นตัว จากการลดอัตราการใช้กำลังกลั่นของโรงกลั่นในภูมิภาค และอุปสงค์ดีขึ้าตามปัจจัยฤดกูล ด้าน valuationไม่แพงเทรดPE8xและPB0.7x ขณะที่ให้อัตราปันผลสูง 5.6%
– KCG (กรุงศรี) เพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น 7% เป็น 13 บาท และคงคำแนะนำซื้อ เนื่องจากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นสำหรับปี FY24F ซึ่งอาจดีขึ้น yoy แทนที่จะทรงตัวตามคำแนะนำของฝ่ายบริหารก่อนหน้านี้ เราเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น 0.7% ในปี FY24F และ FY25F (เป็น 30.7%) เนื่องจากการลดจำนวนผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมเมื่อต้นปีช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร อย่างไรก็ตาม เราปรับลดยอดขายลง 3.8% ในปี FY24F และ FY25F เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบของการลดจำนวนผลิตภัณฑ์ ทำให้เราเพิ่ม EPS ขึ้น 7% ในปี FY24F และ FY25F
– AOT (คิงส์ฟอร์ม) “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย 67.00 บาท งวด 3Q66/67 (เม.ย.-มิ.ย.67) มีกำไรสุทธิ 4.56 พันล้านบาท -21%QoQ, +44%YoY ชะลอลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโตสูง YoY หนุนจากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับผลบวกจากมาตรการฟรีวีซ่า ส่วนแนวโน้ม 4Q66/67 (ก.ค.-ก.ย.67) คาดกำไรยังลดลง QoQ เนื่องจากเข้าช่วง low season เต็มตัวและเริ่มรับรู้ผลกระทบจากการยกเลิก duty free ขาเข้า อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนประเด็นลบจากรายได้ค่าเช่าพื้นที่และผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ลดลงของ King Power ไปแล้ว ดังนั้นจึงถือเป็นการปลดล็อก overhang และเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นใหม่รอผลประกอบการฟื้นตัวเมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย