นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล บริษัทในเครือบมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) กล่าวว่า กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล โดยท็อปส์ ได้วางงบลงทุน 1.6 พันล้านบาท ในปี 67 ขยายสาขาทุกฟอร์แมต ตั้งเป้าใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 67-70) จะเปิดและปรับปรุงสาขามากกว่า 100 สาขาต่อปี และจะมีร้านค้าในกลุ่มครบ 1,000 สาขาภายในปี 70
โดยภายในสิ้นปี 67 ท็อปส์ จะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตรวมมากกว่า 150 สาขา ท็อปส์ เดลี่ อีกกว่า 520 สาขา ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ มากกว่า 10 สาขา และ มัทสึคิโยะ อีก 25 สาขา
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายยอดขายโตเฉลี่ยที่ 8% ต่อปี
พร้อมกันนี้ได้เผยวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่จะขับเคลื่อนการขยายธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงสู่ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่ 4 เสาหลัก ได้แก่
T – Truly World-Class ที่เป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่หลากหลายจากทั่วโลก รวมถึงการสนับสนุน SMEs และเกษตรกร โดยคัดเลือกสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักทั่วโลกมากกว่า 210 แบรนด์มารวมไว้ในที่เดียว
อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาสินค้าคุณภาพ พร้อมกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อโปรโมทสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ให้ลูกค้าได้ค้นพบประสบการณ์การซื้อสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้ในที่เดียวที่ท็อปส์
O – Omni-Channel ผ่านการมอบประสบการณ์ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ แบบ Whenever, Wherever ผ่านช่องทางออมนิแชแนลที่เหนือระดับ สะดวก ครบ จบได้ในทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน (Brick & Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล เชื่อมต่อประสบการณ์ ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ทั้งช่องทางการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอรีรายใหญ่ของประเทศ ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอย่าง Tik Tok เป็นต้น
P – Pleasure การยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าผ่าน 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits & Vegs) คุณภาพดี มีให้เลือกหลากชนิด, ขนมขบเคี้ยว (Snackers) หลากหลายรายการ มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น,ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine & Spirits) นำเข้าตรงจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังรวมไปถึง สินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ พร้อมกันนี้ ยังวางกลยุทธ์สร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยบริการชั้นเลิศในรูปแบบ Yes! Topster ส่งต่อมาตรฐานการบริการที่เหนือระดับ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมและประยุกต์ใช้ AI โซลูชัน ที่ทันสมัย สอดรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลง
S – Sustainable ผ่านการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero)
สำหรับภาพรวมธุรกิจท็อปส์ครึ่งปีแรกยังเติบโตได้ดี จะเห็นได้จากปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มสูงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงถึงการวางกลยุทธ์ การเปิดสาขา รวมถึงมีทำเลที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนในครึ่งปีหลังมองว่าภาพรวมค้าปลีกยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ และหากภาครัฐ สามารถขับเคลื่อนนโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต จะยิ่งเป็นผลดีต่อคนในประเทศในเรื่องกำลังซื้อ แต่หากภาครัฐไม่มีนโยบายนี้ออกมา ทางบริษัทมีแผนเร่งจัดกิจกรรมการตลาด โปรโมชั่น และแคมเปญการตลาด รวมถึงกลยุทธ์ด้านราคาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลดีมากสุด ซึ่งคงยังรอติดตามนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 67)
Tags: CRC, สเตฟาน คูม, หุ้นไทย, เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น