นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังตรวจพยานหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากการที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ ว่า วันนี้ได้มีการสอบคำให้การของจำเลย โดยนายทักษิณให้การปฏิเสธ
สำหรับพยานหลักฐานในคดีนี้ ประกอบด้วย พยานบุคคลฝ่ายโจทก์ 10 ปาก ไต่สวน 3 นัด ฝ่ายจำเลย 14 ปาก ไต่สวน 4 นัด โดยการสืบพยานฝ่ายโจทก์นัดในวันที่ 1, 2 และ 3 ก.ค.68 ส่วนนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 ก.ค.68 หลังจากนั้นศาลจะจัดทำคำพิพากษาต่อไป คดีเริ่มต้นเดือน ก.ค.ปีหน้าซึ่งเชื่อว่าศาลชั้นต้นจะตัดสินภายในปีนั้นอยู่แล้ว แต่จะมีการอุทธรณ์ ฎีกาต่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
โดยฝ่ายโจทก์ไม่อ้างประจักษ์พยานเลยแม้แต่ปากเดียว ฝ่ายจำเลยอ้างล่ามแปลภาษาชาวเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ แต่จะนำมาเบิกความจริงหรือไม่ต้องดูทางโจทก์ติดใจสืบพยานปากนี้แค่ไหน ภาระการพิสูจน์คดีอาญาอยู่ที่ฝ่ายโจทก์ ส่วนจะต้องนำมาหรืออาจจะใช้วิธีทางไกลผ่านจอภาพก็สามารถทำได้แล้วในปัจจุบัน โดยฝ่ายจำเลยจะมีพยานปากสำคัญเป็นนักกฎหมายมาเบิกความ ซึ่งนายทักษิณไม่ได้หนักใจ ตนก็ไม่หนักใจ การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอยู่ที่ศาล เราทำหน้าที่ให้ดีทั้งโจทก์และจำเลย
นอกจากนี้ ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามคลิปที่ปรากฏในระบบคอมพิวเตอร์ โดยนายวิญญัติ ยืนยันว่า คลิปที่มีการส่งตรวจตั้งแต่แรก เป็นการรวบรวมจากระบบอินเทอร์เน็ตลงในแผ่นซีดี ไม่ใช่หลักฐานจากสถานที่จริง เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบคลิปที่เป็นประเด็นยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ถึงความเป็นต้นฉบับ การตัดต่อ และการแปลความเป็นภาษาไทยก็ไม่สมบูรณ์ ในเรื่องนี้มีภาษาอังกฤษเพียงคำเดียวที่เป็นปัญหา และนำไปสู่การกล่าวหานายทักษิณ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตนได้เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าหลักฐานของฝ่ายโจทก์เป็นเพียงการรวบรวมคลิป
กรณีที่คลิปหลักฐานไม่ได้มาจากต้นฉบับแล้วจะนำมาเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยได้อย่างไรนั้นยังไม่สามารถลงรายละเอียดในเวลานี้ได้ หลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงต่อศาล ขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟังพยานหลักฐานและมีคำวินิจฉัยอย่างไร อย่างไรก็ตามมองว่าเรื่องนี้นายทักษิณถูกกระทำจากระบบการกล่าวหา ซึ่งตนมองว่าระบบการกล่าวหาของประเทศไทยยังมีปัญหา หากมีโอกาสก็ควรมีการแก้ไข
นายวิญญัต กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายจำเลยยังไม่ได้ขอให้มีการสืบพยานลับหลัง ซึ่งได้รับการยืนยันจากทักษิณว่าพร้อมที่จะมาสืบพยานทุกนัดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเองว่าที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะก้าวล่วงสถาบันฯ และพร้อมจะแสดงความจงรักภักดีเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งประชาชนคนไทยก็เห็นได้อยู่แล้ว แต่หากศาลอนุญาตให้มีการสืบพยานลับหลังก็ไม่ต้องเดินทางมาศาลด้วยตัวเอง
ส่วนนายทักษิณจะมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และในการต่อสู้คดีนี้ นายทักษิณมีความมั่นใจ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณในการรักษาตัวที่ชั้น 14 นั้น นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้กังวล ซึ่งตนเองขอยืนยันว่านายทักษิณป่วยจริง และตนเป็นทนายเพียงคนเดียวที่ไปเยี่ยมนายทักษิณ และตัวนายทักษิณก็อยู่ชั้น 14 จริง
หาก ป.ป.ช. เรียกนายทักษิณไปให้ปากคำก็ขึ้นอยู่กับว่านายทักษิณเกี่ยวข้องเรื่องอะไร เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่ จะไต่สวนนายทักษิณหรือไม่ แต่หากมีการไต่สวนนายทักษิณก็ยินดี เพราะการเดินทางกลับเข้ามาในประเทศก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามกติกาของสังคม โดยเฉพาะกฎหมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่เข้าสู่กระบวนการ ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องในหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 67)
Tags: ทักษิณ ชินวัตร, ม.112, วิญญัติ ชาติมนตรี