นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายบริการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) มากขึ้นเพื่อกระจายรายได้ให้มีความหลากหลาย ไม่พึ่งพิงกับการขนส่งทางทะเลมากเกินไป โดยระหว่างนี้บริษัทกำลังเจรจาซื้อกิจการ (M&A) ขนส่งทางอากาศในประเทศ คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาส 1/68 ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ท้นที แหล่งเงินจะมาจากเงินที่ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO
หลังจากเข้าซื้อกิจการดังกล่าวแล้วจะทำให้สัดส่วนบริการขนส่งทางอากาศของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในปีหน้า จากปัจจุบันมีเพียง 1% โดยมีแผนระยะยาวที่จะขยายสัดส่วนขนส่งทางอากาศเพิ่มขึ้น 10% ของรายได้
“สัดส่วน Air Freight ที่เพิ่มขึ้นมา 5% เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น อาจจะมีการทำ M&A อีก อยากจะให้ไปอยู่10% ของรายได้ของเรา เราอยากทำให้เร็วที่สุด …ในปีที่ผ่านมาเราเห็นภาพชัดเจนว่าพอเรามี Sea Freight อย่างเดียวค่า Freight มันตกลงไปเราไม่มีตัวอื่นมาชดเชยได้เลย เพราะฉะนั้น เราต้องกระจายความเสี่ยง กระจายไปสู่ธุรกิจ Air Freight คลังสินค้า หรือขนส่งในประเทศเป็นธุรกิจหนึ่งที่เรากระจายออกไป” นายนันท์มนัส กล่าว
การขยายการขนส่งทางอากาศมากขึ้นเพราะบริษัทเห็นว่าการขนส่งทางทะเล บางครั้งมีปัญหาการประท้วงคนงานท่าเรือ ทำให้ไม่สามารถขนส่งเข้าไปได้สร้างความเสียหาย ดังนั้นจึงหาช่องทางการกระจายสินค้าไว้รองรับ โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้หลัก 95% มาจากการขนส่งทางทะเล อีกทั้งค่าระวางเรือขึ้นกับสายเดินเรือ
นายนันท์มนัส กล่าวว่า ปีนี้ยังต้องระมัดระวังการขนส่งทางทะเลว่าตู้คอนเทนเนอร์จะเพียงพอไหม ซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนช่วงโควิด บริษัทได้แก้ปัญหาโดยมีตู้คอนเทนเนอร์เป็นของตัวเองแทนที่จะพึ่งพิงตู้ของสายเดินเรือ รวมทั้งตู้บรรจุของเหลว อีกทั้งการหยุดเดินเรือของสายเดินเรือเพื่อรอให้สินค้าเต็มลำก่อน ซึ่งจะกระทบกับค่าระวางเรือ และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การนัดหยุดงานของคนงานท่าเรือเป็นต้น
บริษัทสนับสนุนการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งทางทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ต้องการขนส่งสินค้าไปสหรัฐฯ และพร้อมเติบโตในระดับภูมิภาคในอนาคต โดยบริษัทได้เริ่มจัดตั้งสำนักงานในมาเลเซียแล้วเมื่อ ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทจะสามารถเพิ่มปริมาณขนส่งจากมาเลเซียไปสหรัฐได้อีก
นอกเหนือจากนี้บริษัทมีแผนจะจัดตั้งสำนักงานในประเทศเวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย เพื่อจะกระจายตลาดการขนส่งของกลุ่มบริษัทที่มีต้นทางในอาเซียนด้วยกันส่งเข้าไปสหรัฐซึ่งจะทำให้เพิ่มความสามารถทำกำไรได้มากขึ้น จากปริมาณขนส่งที่มากขึ้น โดยคาดว่าจะทยอยจัดตั้งสำนักงานในอีก 3 ประเทศดังกล่าวในปีนี้ 1 ประเทศ และจะจัดตั้งให้ครบภายในช่วงเดือน พ.ค. 68 ก่อนที่จะทำสัญญาใหม่กับสหรัฐ
“การที่เรามีการเติบโตที่ประเทศมาเลเซีย มันหมายความว่าจะรับสินค้าจากประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทยได้ ซึ่ง SINO ขณะนี้อยู่อันดับ 3 ซึ่งบริษัทอื่นเป็นต่างชาติ Global brand ปลายปีนี้เราคาดหวังว่าจะได้ขึ้น Top 2”
นายนันท์มนัส คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ ผลประกอบการดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยทั้งปี 67 วางเป้าหมายปริมาณการขนส่งสินค้า 53.000 ตู้ รายได้ 2,300 ล้านบาท ช่วงครึ่งปีแรกขนส่งแล้ว 25,000 ตู้ รายได้ 1,700 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน
ในช่วงไตรมาส 3/67 ค่าระวางเรือขยับสูงขึ้นอีกครั้ง จากช่วงไฮซีซั่นการขนส่งไปตลาดสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาสซึ่งจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/67 และบริษัทได้ทำสัญญาใหม่กับลูกค้าในสหรัฐ เมื่อพ.ค. 67 ซึ่งเป็นราคาใหม่ ทำให้ปริมาณส่งออกมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งไปตลาดสหรัฐ 70% ที่เหลือ 30% ตลาดยุโรปและเอเชีย โดยล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการขยายตลาดเข้าไปในรัฐนิวยอร์ก หากขยายตลาดได้มากขึ้น จะทำให้การบริหารจัดการต้นทุนในตลาดสหรัฐถูกลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 67)
Tags: SINO, นันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์, หุ้นไทย, ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น