นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่ามีโอกาสแกว่งตัวขึ้นได้ต่อ หลังจากที่ปัจจัย Overhang ทางการเมืองได้คลี่คลายลงไป และได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ซึ่งยังรอติดตามการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการทำงานและผลักดันนโยบายในเรื่องต่างๆ
ขณะเดียวกันในวันนี้ติดตามการรายงานตัวเลข GDP ไทยไตรมาส 2/67 จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หากยังมีการเติบโตขึ้นได้ต่อก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้กับตลาดหุ้นไทย
และยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่แจ๊คสัน โฮล และการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) ในกลางสัปดาห์นี้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังจากปรับขึ้นมาในสัปดาห์ก่อน
โดยให้แนวต้าน 1,310 จุด แนวรับ 1,290 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,659.76 จุด เพิ่มขึ้น 96.70 จุด หรือ +0.24%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,554.25 จุด เพิ่มขึ้น 11.03 จุด หรือ +0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,631.72 จุด เพิ่มขึ้น 37.22 จุด หรือ +0.21%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 37,863.76 จุด ลดลง 198.91 จุด หรือ -0.52%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 17,569.66 จุด เพิ่มขึ้น 139.5 จุด หรือ +0.80% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,877.95 จุด ลดลง 1.48 จุด หรือ -0.05%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ส.ค.) 1,303.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.16 จุด (+1.02%) มูลค่าซื้อขาย 35,690.97 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 343.83 ล้านบาท (16 ส.ค.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.(16 ส.ค.) ลดลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 76.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ส.ค.) อยู่ที่ 3.78 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.59 ให้กรอบวันนี้ 34.45-34.70 จับตาตัวเลข GDP ไทย-โผครม.ใหม่
– “แพทองธาร” รับตำแหน่ง นายกฯ เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก.ย.นี้ เดินหน้า 4 นโยบายหลัก กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซอฟต์พาวเวอร์ ปราบปรามยาเสพติด 30 บาท รักษาทุกที่ ลุ้นสายต่อ 3 นโยบายเศรษฐา “เงินดิจิทัล-กาสิโน-แลนด์บริดจ์” ยืนยันต้องพิจารณาข้อกฎหมายดิจิทัลวอลเล็ต ให้รอบคอบ ยึด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
– “ทีดีอาร์ไอ” ชี้เศรษฐกิจไทย ช่วงที่เหลือปีนี้ขยายตัวต่อเนื่อง แม้เปลี่ยน นายกฯ คาดทั้งปีขยายตัว 2.3-2.6% แนะทบทวน ดิจิทัลวอล “นักเศรษฐศาสตร์” ระบุเศรษฐกิจไทย ปีนี้เสี่ยงสูงขึ้น “อินโนเวทส์ เอกซ์” หั่นจีดีพี เหลือ 2.3% เหตุความเสี่ยงงบรัฐเบิกจ่ายล่าช้า “เกียรตินาคินภัทร” มองความเสี่ยงแบงก์เข้มปล่อยกู้ กระทบเศรษฐกิจเพิ่ม สินเชื่อลงเศรษฐกิจน้อยลง
– เปิดมุมมองเอกชนหวังรัฐบาลใหม่เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาทุนไทย “หอการค้า” เสนอรักษาเสถียรภาพเงินบาท ลุยท่องเที่ยว รุกตลาดใหม่ดันส่งออก สานต่อนโยบายดึงลงทุน-ซอฟต์พาวเวอร์ ส.อ.ท.ชงแก้ 3 เรื่องเร่งด่วน แนะตั้งรัฐบาลให้เสร็จใน 1 เดือน ค้าปลีกหวังแก้กฎหมายสร้างการค้าเท่าเทียม จี้ตื่นรับมือทุนจีนกินรวบตลาด
– นายกสมาคมนักวิเคราะห์ ชี้หุ้นไทยพร้อมปรับขึ้น แต่ขอรอดูนโยบาย-แนวทางขับเคลื่อนสามารถทำได้จริง-มีกรอบเวลาชัดเจน หนุนนักลงทุนเชื่อมั่นดัชนีพร้อมทะยาน ด้าน “เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” แนะลดถือเงินสด เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น รับผลดีความคืบหน้าทางการเมืองแต่ละสเต็ป มองกรอบดัชนีเดือนนี้มีโอกาสแตะ 1,330 จุด
หุ้นเด่นวันนี้
– BTG (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 26.3 บาท เตรียมเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์อย่าง Eggriculture ผ่านบริษัทสิงคโปร์ในเครือที่จัดตั้งขึ้นใหม่ คือ Betagro Foods ด้วยมูลค่าธุรกรรมประมาณ 2.0 พันลบ. โดยจะใช้เงินกู้เป็นเงินทุน คาดธุรกรรมนี้จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/68 คาดข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับ BTG ได้ 2-3% และ 4-5% ตามลำดับ ต่อประมาณการของเราปี 2568 และ IBD/E จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.0 เท่า จาก 0.9 เท่า มูลค่าการผนึกกำลังน่าจะมาจากการขายข้ามตลาดไปยังตลาดสิงคโปร์
– AOT (ไอร่า) “ทยอยซื้อสะสม” ราคาเป้าหมาย 59.00/ 61.00 บาท มองการอ่อนตัวลงของราคา AOT ในช่วงก่อนหน้ารับรู้ประเด็นความกังวลของผลกระทบจากการเรียกคืนพื้นที่และการยกเลิก Inbound Duty Free ไปมากในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่เราคาดว่าการรับมอบ 3 สนามบิน (อุดรฯ กระบี่ และบุรีรัมย์) ในช่วงเดือน พ.ย. นี้ คาดจะมาชดเชยรายได้ที่หายไปได้ โดยราคาซื้อขายปัจจุบันของ AOT ณ. ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ระดับ Fwd PE40.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ 48.0 เท่า ทำให้เราคาดว่า Downside เริ่มจำกัด
– MTC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 52.00 บาท ราคาหุ้นปรับลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านกว่า 10% ปรับลงตามกลุ่ม Consumer Finance จากความกังวลต่อคุณภาพ สินทรัพย์ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ตามหลังการรายงานงบไตรมาส 2/67 ที่เราเห็นการเติบโตของกำไร 20%YoY ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ที่บริหารจัดการได้อย่างดี ทั้งๆที่โดยปกติไตรมาส2 เป็นช่วงเวลาที่ยากต่อการเก็บหนี้จากผลของฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายเยอะ สะท้อนผ่านมายังCredit Cost ลดลง 8 bps QoQ มาที่ 3.08% และ Coverage Ratio สูงขึ้น 4%QoQ เป็น 125% และสัดส่วน NPL ลด ลง 16 bps QoQ มาที่ 2.91% โดยผู้บริหารตั้งเป้า NPL ปีนี้จะต่ำกว่า 3% แนวดน้มกำไรปี 67 คาดเติบโต 16%YoY เด่นสุดในกลุ่ม จากผลของ NPL ที่ Credit Cost ที่ลดลง ส่วนระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกจากมาตรการกระตุ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย