SET ปิดวันนี้ 1,289.84 จุด ลดลง 2.85 จุด (-0.22%) มูลค่าซื้อขาย 41,339.73 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงสุดในภูมิภาค จากภาวะสุญญากาศทางการเมือง กังวล GDP ถูกหั่น-กำไร บจ.แย่ลง คาดกว่าจะได้รัฐบาลใหม่อาจต้องใช้เวลา 1 เดือน นักลงทุนเลือก Wait and see จนกว่าชัดเจน แต่ยังหวังกองทุนวายุภักษ์รอเข้ามาช่วยหนุน แนวโน้มวันพรุ่งนี้อาจซึมลงต่อ หรือลุ้นรีบาวด์ ให้แนวรับโลว์เดิม 1,273 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด
SET ปิดวันนี้ที่ 1,289.84 จุด ลดลง 2.85 จุด (-0.22%) มูลค่าซื้อขาย 41,339.73 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้แกว่งผันผวนในแดนลบ ช่วงเช้าลงแรงบ่ายรีบาวด์ลดช่วงลบ โดยทำจุดต่ำสุด 1,279.34 จุด และทำจุดสูงสุด 1,293.10 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 200 หลักทรัพย์ ลดลง 291 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 163 หลักทรัพย์
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงเช้าปรับตัวลงแรงแย่สุดในกลุ่มตลาดหุ้นเอเชีย จากปัจจัยในประเทศที่อยู่ในช่วงสุญญากาศทางการเมือง กังวล GDP ของไทยถูก Downgrade และ Earning บริษัทจดทะเบียนแย่ลง
ทั้งนี้ สัญญาณการลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 เดือน ฉะนั้นช่วงนี้นักลงทุนจึงเลือกที่จะชะลอการลงทุนเพื่อ wait and see จนกว่าจะมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังมีแรงซื้อหุ้นรายตัว อาทิ COM7, STGT, STA สลับแรงขายหุ้นที่งบไตรมาส 2/67 ออกมาแย่กว่าคาด และแนวโน้มกำไรอาจแย่ต่อเนื่อง เช่น HANA, MASTER
“ภาพใหญ่ปรับึ้นลำบาก รอความชัดเจน ทั้งเรื่องนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ทำให้ช่วงนี้ไม่มีข่าวบวก แต่ก็มีปัจจัยกองทุนวายุภักษ์รออยู่ ทำให้ไม่ลงลึก เพราะเงินจากองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาเป็นแสนล้าน”
อย่างไรก็ดี ตลาดคาดว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังคงเป็นขั้วเดิม โดยพรรคร่วมและพรรคเพื่อไทยหนุนนางสาวแพทองธาร ชินวัตรชึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พรุ่งนี้ก็จะมีการโหวต แต่ยังต้องติดตามว่านโยบายจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ฉะนั้นภาพจากนี้จนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตลาดก็คงจะซึมลงสลับรีบาวด์ได้บ้าง และอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นปันผล หรือดักซื้อหุ้นที่อยู่ในเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์
พรุ่งนี้ให้แนวรับที่ 1,273 จุด เป็นจุดต่ำสุดเดิม ส่วนแนวต้าน 1,300 จุด ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าควรจะกลับขึ้นไปให้ได้จึงจะเห็นสัญญาณบวก แต่หากไม่ผ่านแนวต้านระดับนี้ ก็อาจจะทำให้ดัชนีไหลลงได้อีก ประกอบกับสัปดาห์หน้าจะมีประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/67 ของไทย (19 ส.ค.) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) (21 ส.ค.)
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,493.68 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,306.99 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,191.54 ล้านบาท ปิดที่ 130.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 960.60 ล้านบาท ปิดที่ 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 938.97 ล้านบาท ปิดที่ 130.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 67)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้นไทย, ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, หุ้นไทย