บมจ.อาร์เอส (RS) ผสานพลังบริษัทในเครือ อาร์เอส ลิฟเวลล์ , อาร์เอส มัลติมีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และ อาร์เอส มิวสิค ปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจดึงความเชี่ยวชาญของแต่ละธุรกิจ ทั้งการปั้นศิลปิน การสร้างคอนเทนต์ และ Music Marketing มาขับเคลื่อนการคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจคอมเมิร์ซในหลากหลายรูปแบบ ภายใต้ Content to Commerce (C2C) ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่ Strategic Partnerships, Star Commerce และ Brand Collaborations
RS ประกาศเปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่ ชูนวัตกรรมที่เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ แบรนด์ “ปากท้อง” ลุยตลาดฟู้ดสแน็ค, แบรนด์ “bbooty” และแบรนด์ “TellmeDarling by Daring&Co.” เข้าสู่ธุรกิจคัลเลอร์ คอสเมติก เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Z และมิลเลเนียล สู่การสร้างรายได้ที่เติบโตมากขึ้น ผ่านการขยายช่องทางการขายในประเทศ โดยเฉพาะ TikTok โมเดิร์นเทรด และบิวตี้สโตร์, การทำการตลาดแบบ 360 องศา ครบทุกช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และออนแอร์ รวมถึงขยายช่องทางการขายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV
ทั้งนี้ RS ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ของธุรกิจคอมเมิร์ซในปี 67 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ทั้ง 3 แบรนด์ใหม่ คาดจะอยู่ที่ 250 ล้านบาท และรายได้จากแบรนด์สินค้าอื่นๆ ของ RS LiveWell ประมาณ 750 ล้านบาท
สำหรับ Content to Commerce (C2C) ประกอบด้วย
กลยุทธ์ Strategic Partnerships ด้วยศักยภาพของ อาร์เอส กรุ๊ป ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce จึงทำให้ RS LiveWell เล็งเห็นว่าการทำ Co-Brand ระหว่างธุรกิจในเครือ เป็นจุดแข็งสำคัญในการดึงความเชี่ยวชาญและปลดล็อคศักยภาพของแต่ละธุรกิจในเครือออกมาใช้ เพื่อรุกเข้าสู่ประเภทสินค้าใหม่ๆ
โดยมองเห็นว่า ตลาดน้ำซอสปรุงรสและน้ำพริกในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 66 มีมูลค่ามากถึง 5.7 หมื่นล้านบาท และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ถึง 8% สินค้าในกลุ่มน้ำพริกสำเร็จรูปพร้อมรับประทานยังไม่มีเจ้าตลาดชัดเจน นับเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ จึงเริ่มจากการจับมือกับรายการ “ปากท้องต้องรู้ ดูแล้วร้วยรวย” ทางช่อง 8 พร้อมดึง เอ ไชยา-แป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย ที่มีฐานแฟนคลับแข็งแกร่งกว่า 500,000 follower ร่วมเป็นเจ้าของและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันภายใต้แบรนด์ “ปากท้อง” เริ่มผลิตภัณฑ์แรก “น้ำพริกปากท้อง” 3 รสชาติที่มีส่วนผสมหลักและสูตรลับจากบ้านเกิดของ เอ ไชยา มิตรชัย อัดแน่นด้วยคุณภาพ กรอบอร่อย และไม่อมน้ำมัน
กลยุทธ์ Star Commerce เป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสนับสนุนศิลปิน-ดาราในสังกัด ที่นอกจากความสามารถที่ครบแล้วยังสามารถเป็นได้มากกว่า จากการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ศิลปินในทุกมิติ พร้อม Full Ecosystem support ที่ทำให้ศิลปินสามารถนำไปต่อยอดได้รอบด้าน ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับศิลปินในสังกัดให้เป็นตัวของตัวเองได้มากกว่าแบบที่พวกเขาอาจจะไม่เคยนึกถึงมาก่อน
โดย RS LiveWell เองมองเห็นว่าตลาดเครื่องสำอาง (Color Cosmetics) ในประเทศไทยมีมูลค่ามากถึง 20,087 ล้านบาท ด้วยภาพรวมการเติบโตของตลาดมากถึง 33% ในปี 66 และยังมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี สินค้ากลุ่มประเภท Facial Makeup และ Lip Products มีโอกาสในการเติบโต รวมถึงมีส่วนแบ่งในตลาดเป็นหลัก โดยเปิดตัวโปรเจ็คแรกด้วย ใบเตย ที่มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 6.5 ล้านบัญชี เกิดเป็นแบรนด์ Bbooty จับกลุ่มลูกค้าในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 20-35 ปี ที่มีความชอบและสนใจในการแต่งหน้า รักสวยรักงาม และสนใจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ทั้งนี้ความโดดเด่นของ Bbooty คือนวัตกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการผลิตเครื่องสำอางและการใช้สารสกัดต่างๆ ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่จับต้องได้
กลยุทธ์ Brand Collaborations RS Livewell มองหาพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพตลอดเวลา เพื่อต่อยอดธุรกิจให้กับแบรนด์ ซึ่งจากมูลค่าตลาดของสินค้าแป้งทาหน้าในกลุ่มของ Facial Makeup อยู่ที่ 5131.3 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 8.4% โดยแบรนด์ Daring&Co. ถือเป็นแบรนด์ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงาน (younger generation) ด้วยความเป็นแบรนด์ใหม่ และวัยรุ่น ทางแบรนด์จึงมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเป็นที่รู้จักอย่างยาวนานในประเทศ รวมทั้งเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความครบวงจร TellMe จึงตอบโจทย์ทั้งภาพของแบรนด์และฝั่งโรงงานการผลิต รวมถึงการมีช่องทางการขายที่ครอบคลุมและกว้างขวาง
การร่วมมือกันของแบรนด์ Daring&Co. และ TellMe ภายใต้แบรนด์ TellmeDarling by Daring&Co. ถือเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงการ refresh ภาพแบรนด์และสินค้าของ TellMe ให้ดูเป็นวัยรุ่นและทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์วัยรุ่นชื่อดัง (ซึ่งจะเปิดเผยเร็วๆ นี้) ร่วมกับการทำเพลงในรูปแบบ Music Marketing การใช้ศักยภาพของ RS Music เพื่อส่งสารให้เชื่อมโยงไปยังอารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟัง พร้อม ๆ กับการสร้างความคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ฟัง เพื่อสร้าง Brand Awareness โดยใช้เพลง TelleDarling ที่ขับร้องโดย เบิ้ล ปทุมราช – ลำไย ไหทองคำ มาเป็นเพลงตั้งต้น และเน้นการทำการตลาดไปยังช่องทาง online เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นายวัชรพงศ์ ลีโทชวลิต หัวหน้างานนักลงทุนสัมพันธ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน RS กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น จากการผลักดันยอดขายธุรกิจ Entertainment ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก โดยเร่งสร้างรายได้การขายลิขสิทธิ์คอนแทนต์จากทั้งลูกค้าต่างประเทศ และ OTT Platform (VIU, IQiYi, TRUE ID) เพิ่มขึ้นจากระดับ 40 ล้านบาทต่อไตรมาส เป็นรายได้ระดับ 80-100 ล้านบาท ต่อโตรมาส เพื่อให้ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์เข้าสู่จุดคุ้มทุน
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการสร้างจากรายได้กิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ อาทิ มิวสิคเฟสติวัลและกิจกรรมสปอนเซอร์ซิป ขยายศักยภาพทางธุรกิจพาณิชย์อย่างต่อเนื่องผ่านกลุ่มสินค้าใหม่ ไปยังฟู้ดสแน็ค (Food snack) ด้วยโมเดลธุรกิจ Content to Commerce ในขณะที่ธุรกิจพาณิชย์จะสร้างฐานรายได้ที่แข็งแรงด้วย Content to Commerce ซึ่งเป็นการนำจุดแข็งของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์มาช่วยสร้างการรับรู้ของสินค้าใหม่ในวงกว้าง และสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาสินค้าที่หลากหลาย เพื่อสอดรับกับกระแสพฤติกรรมผู้บริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่บนช่องทาง Social Media
โดย RS ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้โตแตะ 4.4 พันล้านบาท และคาดพลิกเทิร์นอะราวด์ หลังครึ่งปีแรกขาดทุนสุทธิรวม 176.76 ล้านบาท จากครึ่งปีหลังธุรกิจ Entertainment เข้าไฮซีซั่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 67)
Tags: rs, อาร์เอส