บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 25,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรจากการดำเนินการหลักอยู่ที่ 1,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,015% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี EBITDA เป็นบวก 5,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% อย่างไรก็ดี บริษัทขาดทุนสุทธิ 325 ล้านบาท เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 2,275 ล้านบาท
สำหรับครึ่งแรกของปี 67 ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วรวม 10.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่ที่ 92% โดยมีฝูงบินรวม 57 ลำ สอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งตลาดในและต่างประเทศ และราคาค่าโดยสารเฉลี่ยน 2,019 บาท เพิ่มขึ้น 21%
ส่วนในไตรมาส 2/67 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 1,908.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 84.1 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ (1,012.5) ล้านบาทในไตรมาส 2/66 ที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานหลักในไตรมาสนี้ 309.7 ล้านบาท ลดลง 18% จาก 378.1 ล้านบาทในไตรมาส 2/66
และรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 11,485.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 7% เป็น 4.97 ล้านคน และราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่สูงขึ้น 9% เป็น 1,920 บาท
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าวว่า ไตรมาส 2/67 สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจีน มาเลเซีย และอินเดีย เป็นนักท่องเที่ยว 3 อันดับแรก ซึ่ง TAA เป็นสายการบินหลักในการขนส่งนักท่องเที่ยวทั้ง 3 สัญชาติ พร้อมมีเครือข่ายบินที่แข็งแกร่ง บินตรงเชื่อมไทยสู่จีน 12 ปลายทาง และอินเดีย 11 เส้นทาง
แม้ไตรมาส 2 เริ่มเข้าสู่นอกฤดูการท่องเที่ยว แต่ AAV ยังรักษามาตรฐานการดำเนินงานน่าพอใจ โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 11,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA อยู่ที่ 1,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น5% ถึงแม้จะรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในไตรมาส 2 อยู่ที่ (226) ล้านบาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 84 ล้านบาทจากผลการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้น
“ไตรมาสที่ 2 บริษัทมีอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงอยู่ที่ 91% ขนส่งผู้โดยสารรวม 5 ล้านคน เรายังเป็นผู้นำตลาดในประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงที่ 39% สำหรับตลาดต่างประเทศ เราได้เปิดเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทาง อาทิ ดอนเมือง สู่ วิสาขปัทนัม (อินเดีย) และโอกินาวา (ญี่ปุ่น) รวมไปถึง ใช้สิทธิเสรีภาพการบินที่ 5 (Fifth Freedom) เริ่มให้บริการจากดอนเมือง แวะรับส่งผู้โดยสารที่ไต้หวัน สู่ปลายทางญี่ปุ่น ในเส้นทาง ไทเป – โอกินาวา และเกาสง – โตเกียว” นายสันติสุขกล่าว
นายสันติสุข กล่าวว่า ครึ่งหลังของปี 67 บริษัทยังคงเดินหน้ารุกอย่างเต็มที่ เฉพาะเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเส้นทางใหม่ “ดอนเมือง-ลำปาง” เป็นครั้งแรก หลังท่าอากาศยานลำปางพัฒนาและขยายรันเวย์ รวมทั้งการเปิดเส้นทางระหว่างประเทศ อาทิ ดอนเมือง สู่ ฟูก๊วก (เวียดนาม) ไฮเดอราบัด (อินเดีย) และจากภูเก็ต สู่เสียมราฐ (กัมพูชา) เชนไน และโกลกาตา (อินเดีย) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประสบความสำเร็จในการเจรจาขอขยายสิทธิการบินเพิ่มเติมกับทางประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายขนส่งผู้โดยสารตลอดปีอยู่ที่ 20-21 ล้านคน และเป้าหมายรายได้จากการขายและบริการที่จะเติบโต 20-23% วางแผนมีฝูงบินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 60 ลำ ณ สิ้นปี โดยบริษัทได้ทยอยรับเครื่องบินแอร์บัส A321neo ใหม่ต่อเนื่องไปแล้วอีก 2 ลำ ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่มปริมาณที่นั่งเป็น 236 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 56 ที่นั่ง จากเครื่องบินแอร์บัส A320 เดิมที่มี 180 ที่นั่ง) ช่วยประหยัดต้นทุนและพลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแผนพัฒนาความยั่งยืนของบริษัทต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 67)
Tags: AAV, เอเชีย เอวิเอชั่น, ไทยแอร์เอเชีย