SAMART พลิกขาดทุน Q2/67 ราว 183 ลบ.รับผลตั้งสำรองข้อพิพาทเอเชี่ยนเกมส์แม้กำไรปกติโตแกร่ง

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29 ล้านบาทหรือโต 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75 ล้านบาท หรือ 292% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 25.52 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 45 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ประมาณการณ์หนี้สินระยะยาวจากกรณีข้อพิพาทกับคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 และการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นจำนวนเงิน 283 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 183 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากไม่รวมผลขาดทุนจากการประมาณการหนี้สินระยะยาวนี้ ไตรมาส 2/67 นี้ บริษัทจะมีกำไรปกติถึง 100 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบครบวงจร และธุรกิจด้านการให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา จากสายธุรกิจ Utilities and Transportations และค่าบริการ Airtime จากสายธุรกิจ Digital Communications”

โดยสรุปผลการดำเนินงานของแต่ละสายธุรกิจในไตรมาส 2/67 ประกอบด้วย

– สายธุรกิจ Digital Communications ภายใต้การบริหารของ บมจ. สามารถ ดิจิตอล (SDC) มีรายได้รวมกว่า 100 ล้านบาท จากธุรกิจให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในโครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอล หรือ Digital Trunked Radio System ซึ่งได้มีการทยอยรับรู้รายได้จากการบริการ Airtime ของโครงการจัดหาระบบวิทยุสื่อสารข่ายบังคับบัญชากระทรวงมหาดไทย (MOI) ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 1,139 ล้านบาท

– สายธุรกิจ Digital ICT Solutions ภายใต้การบริหารบมจ.สามารถเทเลคอม (SAMTEL) มีการลงนามสัญญาโครงการกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การนิคมอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น โดยมีรายได้รวม 739 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 10.7 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทรอเข้าประมูลโครงการของทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนจำนวนมากในครึ่งหลังของปี

– สายธุรกิจ Utilities and Transportations มีรายได้รวม 1,249 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 303 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยบมจ. สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ธุรกิจด้านการให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชามีรายได้เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท มีจำนวนเที่ยวบินปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 24,678 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,609 เที่ยวบินหรือคิดเป็น 7% อีกทั้งธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบครบวงจรภายใต้ บริษัท เทด้า จำกัด ก็ยังสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาท รวมทั้งจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการเก็บภาษีสรรพสามิตด้วย ส่งผลให้สายธุรกิจนี้มีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 9,658 ล้านบาท

สำหรับหุ้นกู้ของ SAMART ที่ปิดการเสนอขายไปเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม เป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 5.40 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน กระแสตอบรับคึกคักมีผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ สนใจซื้อหุ้นกู้ไปแล้วถึง 85% หรือมียอดซื้อกว่า 643 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจและสถานะทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างดี

“บริษัทมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง จะมีการเติบโตทั้งรายได้และกำไรจากการดำเนินงานจากทุกกลุ่มธุรกิจ” นายวัฒน์ชัย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top