หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามภูมิภาคตอบรับ PPI สหรัฐต่ำคาด บ่ายเกาะติดศาลวินิจฉัยคดีนายกฯ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาคเอเชีย ตอบรับตัวเลข PPI สหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด หนุนโอกาสเฟด ลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. มากขึ้น ขณะที่ช่วงบ่ายยังต้องติดตามศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้แนวรับไว้ที่ 1,290 จุด และ แนวต้าน 1,310 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้นเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ตอบรับสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด หนุนเพิ่มโอกาสธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. มากขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าช่วงเช้าจะปรับตัวขึ้นได้แต่ช่วงบ่ายอาจต้องติดตามปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หากคำตัดสินให้ดำรงตำแหน่งได้ต่อ จะเป็นปัจจัยหนุน SET บวกต่อได้ แต่หากตัดสินให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คาด SET ตอบรับเชิงลบ จากความกังวลการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไปอาจมีความล่าช้า

ให้แนวรับไว้ที่ 1,290 จุด และ แนวต้าน 1,310 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,765.64 จุด เพิ่มขึ้น 408.63 จุด หรือ +1.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,434.43 จุด เพิ่มขึ้น 90.04 จุด หรือ +1.68% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,187.61 จุด เพิ่มขึ้น 407.00 จุด หรือ +2.43%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 36,535.60 จุด เพิ่มขึ้น 303.09 จุด หรือ +0.84%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 17,233.68 จุด เพิ่มขึ้น 59.62 จุด หรือ +0.34% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,866.24 จุด ลดลง 1.71 จุด หรือ -0.06%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ส.ค.) 1,297.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.72 จุด (+0.06%) มูลค่าซื้อขาย 40,564.74 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 255.22 ล้านบาท (13 ส.ค.)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.(13 ส.ค.) ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 78.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ส.ค.) อยู่ที่ 4.62 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.03 แนวโน้มผันผวนทางอ่อนค่า รอผลคดีนายกฯ บ่ายนี้-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

– 14 ส.ค. จับตาคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ “ทาง 2 แพร่ง” ชี้ชะตา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องอดีต 40 สว.เพื่อ ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

– “คลัง” เตรียมเสนอขาย “กองทุนวายุภักษ์ 1” หน่วยลงทุนประเภท ก. สำหรับรายย่อย มูลค่า 1-1.5 แสนล้าน คุ้มครองผลตอบแทนขั้นต่ำคงที่ 10 ปี เน้นลงทุนหุ้นไทยปันผลสูง คาดเปิดขาย ก.ย. “ไพบูลย์” ชี้ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยในภาวะ “อ่อนแอ” ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน “วงใน” เผยดันดัชนีฯ ขึ้น 100 จุด

– โค้งท้าย Virtual Bank ธปท.ดีเดย์ขีดเส้นตายคำขออนุญาตจัดตั้งภายใน 19 ก.ย.นี้ “กรุงไทย” ลั่นยื่นแน่ต้น ก.ย. ผนึกพันธมิตร “AIS-กัลฟ์” ลุยกลุ่มเป้าหมาย “นอกระบบ” ขณะที่ “SCBX” แท็กทีมพาร์ตเนอร์ธนาคารดิจิทัลชื่อดังจาก “เกาหลี-จีน” ส่วน “ซี.พี.” ใช้พันธมิตร “ทรูมันนี่” ด้าน “แบงก์กรุงเทพ” ยังไม่เคลียร์ร่วมทุน BTS เผยแบงก์ชาติตั้งเป้าให้ใบอนุญาตชุดแรก 3 รายเท่านั้น เพื่อดูแลได้ทั่วถึง ขณะที่คลังอยากให้เปิดเสรี โบรกฯ 2 เจ้าใหญ่ ยก “KTB-SCB-C.P.” มีโอกาสสูงคว้าไลเซนส์รอบแรก

– จับชีพจรกำลังซื้อครึ่งปีหลังแผ่วหดตัว ผู้บริโภครัดเข็มขัด เลือกของถูก รายย่อยกระอัก โรงงานปิดตัว คนตกงาน ผู้ประกอบการหืดขึ้นคอ แบกรับต้นทุนพุ่งอ่วม “ตลาดรถยนต์” โคม่า ไฟแนนซ์ไม่ปล่อยสินเชื่อ “อสังหาฯ” คาดถดถอยยาวไปถึงกลางปี 68

– “ภูมิธรรม” เดินหน้าผลักดันประกาศ กพอ. ให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการใน EEC ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 15 ปี พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย รับต่างชาติสนใจลงทุนอุตสาหกรรม เป้าหมาย 2.7 แสนล้าน ขณะที่คำขอบีโอไอ ครึ่งปี ทะลุ 4.5 แสนล้าน

– รัฐบาลเดินหน้ายกร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย โดยกระทรวงการคลังเปิดรับฟังระหว่างวันที่ 2 ส.ค.-18 ส.ค.2567 ผ่านเว็บไซต์

– ครม.เห็นชอบตามการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติหรือนากก้า (NaCGA) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมค้ำประกันของไทย โดยเป็นนิติบุคคลหน่วยงานของรัฐ ทำหน้าที่ค้ำประกันโดยตรงที่เป็นผู้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น เพราะมีหนังสือค้ำประกันความเสี่ยงจากนากก้า

*หุ้นเด่นวันนี้

– BEM (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 10.33 บาท บริษัทรายงานกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 1 พันลบ.เติบโตสูง 18% QoQ และ 11%YoYโดยกำไรที่รายงานออกมาถือเป็นการแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท จากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมถึงรายได้เงินปันผลจาก CKPและ TTW มองไปไตรมาส 3/67คาดว่าโตต่อและจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีก ทำให้เรามองมีโอกาสที่เราอาจต้องปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ที่เรามองไว้ขึ้นเพื่อสะท้อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน ครึ่งแรกปี 67 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลประกอบการครึ่งหลังของปีมักดีกว่าครึ่งแรก

– CPALL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 6,239 ลบ.(+40.58%YoY, -1.26%QoQ) สูงกว่า Bloomberg Consensus(5,847 ลบ.,+6.71%) โดยในส่วนของรายได้แข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 240,948 ลบ.(+6.80%YoY, +2.83%QoQ) YoY QoQ ยังโตได้ดีจากการฟื้นตัวกำลังซื้อในประเทศ/นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไตรมาสนี้พระเอกยังคงเป็นร้านสะดวกซื้อ7-11 ที่ยอดขาย +9.7%YoY, +6.0%QoQ ทั้งนี้ นอกจากรายได้ที่ดีแล้ว ปัจจัยหนุนกำไร มาจาก 1.Finance Cost ที่ลดลง YoY 267 ลบ. และ 2.การเน้นไปที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า เช่น สินค้า Ready-to-Eat และเครื่องดื่ม ส่งผลให้ GPM เฉพาะ 7-11 สูงขึ้นYoY 60bps/ QoQ 30bps มาที่ 29.0% นอกจากนี้จากสัดส่วนของ 7-11 ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบ Makro-Lotus ยังส่งผลให้ GPM รวมไตรมาสนี้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 22.43%(YoY +46 bps, QoQ +14bps)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top