รัฐคุมเข้มสัญญาณสื่อสารตามแนวชายแดนสกัดแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษาฯ, พล.ต.ต. นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และ นายสุธีระ พึ่งธรรม ผู้อำนวยการสำนักกำกับกิจการโทรคมนาคม ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณชายแดน 2 จุดคือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี บริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสุ่มตรวจสอบเสาสัญญาณของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่อาจมีความเสี่ยงให้ขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่บริเวณชายแดนลักลอบใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อมากระทำความผิดในประเทศไทย

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร่วมมือตรวจสอบปรับทิศทางการส่งสัญญาณ และลดกำลังส่งสัญญาณเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ภายในประเทศเท่านั้น พร้อมรื้อถอนสาย และเสาสัญญาณที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จึงได้มาลงพื้นที่เพื่อสำรวจการดำเนินการว่ามีความคืบหน้าและมีอุปสรรคหรือไม่อย่างไร

“กสทช.ได้ดำเนินการมาตรการระงับการให้บริการโทรคมนาคมบริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยงตามข้อสั่งการในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.แม่สาย อ.เชียงของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ อ.เมือง จ.ระนอง โดยผู้ให้บริการสัญญาณทุกรายได้ดำเนินการแล้ว ดังนี้ AWN TUC และ NT มีการดำเนินการแล้ว 280 แห่ง จาก 334 แห่ง, สถานี AIS มีการดำเนินการแล้ว 85 แห่ง จาก 93 แห่ง, TRUE มีการดำเนินการแล้ว 116 แห่ง จาก 122 แห่ง, NT มีการดำเนินการแล้ว 79 แห่ง จาก 119 แห่ง” นายประเสริฐ กล่าว

รมว.ดีอี กล่าวว่า ผลการตรวจสอบโดยใช้รถโมบายเคลื่อนที่ (Drive test) พบว่าบริเวณชายแดน 2 จุดคือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ได้ลดกำลังการกระจายสัญญาณและหันทิศตัวส่งสัญญาณ (Cell Site) ให้ใช้ได้ภายในประเทศไทยเท่านั้น รวมทั้งได้สุ่มตรวจจุดต่อสายสัญญาณข้ามแดน แต่ยังไม่พบสายที่ผิดกฎหมายบริเวณที่ตรวจสอบ จึงได้สั่งการกำชับให้ทาง กสทช.และตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องพร้อมรายงานความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ และให้ทำรายงานผลดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ว่าก่อนและหลังดำเนินการผลเป็นอย่างไร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top