เฟคนิวส์ดิจิทัลวอลเล็ตว่อนเน็ต เตือนอย่าแชร์ให้สังคมสับสน

เวทางค์ พ่วงทรัพย์

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ เผยข่าวปลอมรายสัปดาห์ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดคือ “แอปฯ ทางรัฐ แสดงข้อมูลเครดิตบูโร บัญชีติดหนี้ ใบสั่งจราจร ข้อมูลโดนฟ้องศาล หลังลงทะเบียน 10,000 บาท” รองลงมาคือ “ปชช.ที่สมัครบัญชีผ่านแอปฯ ทางรัฐไม่ได้ จะไม่สามารถลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท” จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสับสน เข้าใจผิด เพราะส่งผลกระทบในสังคมเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ จากการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 2-8 ส.ค.ที่ผ่านมา พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 848,755 ข้อความ ซึ่งมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 205 ข้อความ โดยช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 174 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 26 ข้อความ และผ่านช่องทาง Facebook จำนวน 5 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 168 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 86 เรื่อง

โดยสามารถจำแนกข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 90 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 34 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 6 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 16 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 22 เรื่อง

ข่าวด้านกลุ่มนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความมั่นคง ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนมากถึง 9 อันดับแรก แสดงว่าประชาชนให้ความสนใจต่อโครงการนี้มากที่สุด โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง แอปฯ ทางรัฐ แสดงข้อมูลเครดิตบูโร บัญชีติดหนี้ ใบสั่งจราจร ข้อมูลโดนฟ้องศาล หลังลงทะเบียน 10,000 บาท

อันดับที่ 2 : เรื่อง ปชช.ที่สมัครบัญชีผ่านแอปฯ ทางรัฐไม่ได้ จะไม่สามารถลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท

อันดับที่ 3 : เรื่อง ธปท.เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

อันดับที่ 4 : เรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตีตกเงินดิจิตอลวอลเล็ต

อันดับที่ 5 : เรื่อง รัฐบาลเปิดให้โหลดแอปฯ ทางรัฐ ผ่านเว็บไซต์ https://dga-thai.com/

อันดับที่ 6 : เรื่อง สามารถเปิดรับแลกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และนำเงินสดไปใช้ได้

อันดับที่ 7 : เรื่อง สมัครแอปฯ ทางรัฐด้วยบัตร ปปช. และสแกนใบหน้า เสี่ยงถูกแฮ็ก เพราะเป็นระบบเปิดเชื่อมไปยังบัญชีธนาคาร

อันดับที่ 8 : เรื่อง ให้บริการรับสมัครแอปฯ ทางรัฐ เพื่อใช้ลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

อันดับที่ 9 : เรื่อง ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐแล้วถูกแฮกข้อมูล รวมถึงข้อมูลของญาติจะถูกดึงมาทั้งหมด

อันดับที่ 10 : เรื่อง ต้มน้ำประปา สามารถลดความเค็มได้

“ข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุดจาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมากถึง 9 อันดับแรก โดยโครงการดังกล่าวมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอันดับ 1 เรื่อง “แอปฯ ทางรัฐ แสดงข้อมูลเครดิตบูโร บัญชีติดหนี้ ใบสั่งจราจร ข้อมูลโดนฟ้องศาล หลังลงทะเบียน 10,000 บาท” ซึ่งเป็นการสร้างข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน” นายเวทางค์ กล่าว

โดยกระทรวงฯ ได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงข้อมูลจริงว่า แอปฯ ทางรัฐ ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลไปที่หน่วยงานเจ้าของบริการและข้อมูลนั้น ๆ เท่านั้น และจะไม่มีการเก็บข้อมูลของประชาชนไว้ที่แอปฯ “ทางรัฐ” แต่อย่างใด

สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯ “ทางรัฐ” สามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูลและผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือพิมพ์เป็นภาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111 ซึ่งหากหลงเชื่อโดยไม่ตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งในส่วนตัวบุคคล หรือหากมีการแชร์ เผยแพร่ ต่อๆกันไป อาจกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top