กสิกรฯ คาดกรอบหุ้นสัปดาห์หน้า 1,289-1,320 รอฟังถ้อยแถลงเฟด-การเมืองในปท.-ผลประกอบการบจ.

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ถัดไป (12-16 ส.ค.) มีแนวรับที่ 1,290 และ 1,280 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,310 และ 1,320 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นการเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีกและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ก่อนจะทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หุ้นไทยร่วงลงแรงเกือบ 40 จุดและแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือนที่ 1,273.17 จุดในช่วงต้นสัปดาห์ โดยการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ หลายตัวออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับมีแรงซื้อคืนหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสารจากประเด็นผลประกอบการที่ออกมาค่อนข้างดีและการประกาศจ่ายปันผล และกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ดีกรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีวันหยุดยาวและนักลงทุนยังรอติดตามประเด็นการเมืองในประเทศในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด

ในวันศุกร์ที่ 9 ส.ค.67 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,297.07 จุด ลดลง 1.22% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,273.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.27% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 3.27% มาปิดที่ระดับ 312.00 จุด

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top