ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นก็ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อย สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างชัดเจน ก่อให้เกิดเหตุการณ์ Black Monday เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 ที่ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกต่างพากันกอดคอร่วงระนาว นักลงทุนควรเฝ้าระวัง!!
เก็บตกสถานการณ์ตลาดเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ตลาดหุ้น ตลาดคริปโทฯ ตลาดเงิน ตลาดทุน พากันร่วงกระหน่ำ ทำเอานักลงทุนใจหายวาบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่??
เริ่มที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีหุ้น Nikkei ร่วงมากว่า 12% หรือกว่า 4,000 จุด ถือเป็นการร่วงแรงสุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งญี่ปุ่นก็ได้มีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยไปหมาด ๆ แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกแน่นอน
ฝั่งหุ้นสหรัฐตัว Top อย่าง Apple, Amazon, Google, Microsoft, Facebook, Tesla และ Nvidia ก็กอดคอกันร่วงเหมือนกัน ในขณะที่ตลาดคริปโทฯ เองก็ร่วงลงแรง ซึ่งเช้านี้ราคาบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ 56,000 ดอลลาร์ และ อีเธอเรียมอยู่ที่ 2,400 ดอลลาร์ ร่วงลงมาจากสัปดาห์ก่อนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ฝั่งตลาดหุ้นไทยก็ทำ New Low ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีหลังจากหลุด 1,300 จุดอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งปัจจัยก็คงไม่พ้นสภาวะเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนเรื่องการเมืองภายในประเทศ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ แสดงถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังก่อตัว ทั้งความไม่แน่นอน ความผันผวนของตลาดทั่วโลก นักลงุทนช่วงนี้อาจต้องระมัดระวังกันให้มาก
ในฝั่งของตลาดคริปโทฯ หากดูจากมูลค่าตลาด แน่นอนว่าบิทคอยน์มาเป็นอันดับ 1 และอีเธอเรียม มาเป็นอันดับ 2 ซึ่งทั้ง 2 เหรียญก็ได้รับการยอมรับจนมีการออกเป็น ETF ในตลาดสหรัฐเรียบร้อยแล้ว
แต่อีกเหรียญหนึ่งที่น่าจับตา มาแรงไม่แพ้กัน ก็คือ “Solana” (SOL) ล่าสุดมีมูลค่าเทรดบนกระดาน Decentralized มากถึง 55,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า Ethereum เป็นครั้งแรก
หรือจริง ๆ แล้วอาจจะมีเจ้าใหญ่แอบเก็บของโดยที่เราไม่รู้รึเปล่า??
ราหูมักจะเข้า Binance อยู่เรื่อย ๆ ยิ่งกับคู่กรณีอย่างประเทศอินเดีย เมื่อช่วงต้นปีก็โดนประกาศแบนไปแล้ว เนื่องจากไม่ยอมปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในประเทศ แต่ทาง Binance ก็โต้กลับที่จะกลับมาให้บริการอีกครั้ง พร้อมทั้งสะสางภาษีค้างชำระให้หมดไป
และเรื่องภาษีก็มาจริง ๆ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ทาง DIRECTORATE GENERAL OF GST INTELLIGENCE (DGGI) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายภายใต้กระทรวงการคลังของอินเดีย ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีต่าง ๆ ขอให้ Binance ชำระภาษี GST ที่ค้างไว้กว่า 86 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยเกือบ 3,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ต้องบอกก่อนว่า กฎหมายอินเดีย เขาจะให้นักลงทุนจ่ายภาษี หัก ณ ที่จ่าย (TDS) 1% สำหรับทุกธุรกรรม และกำไรจากการลงทุนคริปโทฯ จะต้องเสียภาษี 30% ซึ่งกระดานเทรดในอินเดียจะมีข้อได้เปรียบตรงที่มีระบบภายในเพื่อช่วยผู้ใช้งานในเรื่องภาษี แต่สำหรับแพลตฟอร์มต่างประเทศขณะนี้ ยังไม่สามารถทำได้
ทั้งนี้ ค่าภาษีย้อนหลัง 3,000 ล้านบาท คือการเรียกคืนค่าธรรมเนียมที่ Binance เก็บได้จากผู้ใช้งานในอินเดียในช่วงที่เปิดให้บริการก่อนหน้านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 67)
Tags: Cryptocurrency, CryptoShot, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล