โรบินฮูด (Robinhood) บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชื่อดังของสหรัฐ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 เมื่อวันพุธ (7 ส.ค.) โดยทำกำไรสูงเกินความคาดหมายของวอลล์สตรีท โดยได้แรงหนุนจากกระแสหุ้นมีมและคริปโทเคอร์เรนซีที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทยังระบุว่าสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดการเทรดของนักลงทุนรายย่อยจากคู่แข่งมาได้อย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โรบินฮูด แอปซื้อขายหลักทรัพย์ขวัญใจนักลงทุนรายย่อย มีปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก หลังจากที่นายคีธ กิลล์ อินฟลูเอนเซอร์คนดังในวงการหุ้นมีม กลับมาโพสต์บนโซเชียลมีเดียอีกครั้ง โดยจุดกระแสความนิยมในหุ้นเกมสต็อป (GameStop) บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่ถูกนักลงทุนสถาบันขายชอร์ตอย่างหนัก ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ราคาหุ้นของโรบินฮูดพุ่งขึ้น 2.6% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด หลังจากที่บริษัทประกาศเตรียมเปิดตัวแอปเทรดยอดนิยมในเวอร์ชันเดสก์ท็อปในเร็ว ๆ นี้
ในไตรมาส 2/2567 โรบินฮูดมีรายได้จากการเก็บค่าทำธุรกรรม เพิ่มขึ้น 69% เป็น 327 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดคริปโทฯ ก็มีผลงานโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรกด้วย นำโดยราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) อนุมัติให้มีการซื้อขายกองทุน ETF ที่ติดตามราคาสปอตของบิตคอยน์และอีเธอร์
อย่างไรก็ตาม แม้จะอนุมัติให้มี ETF คริปโทฯ แต่ SEC ยังคงยืนยันว่า โทเคนคริปโทฯ เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์และต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ SEC ซึ่งขัดแย้งกับมุมมองของบรรดาบริษัทคริปโทฯ รายใหญ่ ที่กล่าวหาว่า SEC ใช้อำนาจเกินขอบเขต
ประเด็นร้อนเรื่องการกำกับดูแลคริปโทฯ กลายเป็นหนึ่งในประเด็นหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะมาถึง สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นของอุตสาหกรรมคริปโทฯ
“ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำในสหรัฐ และเราเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดจะได้ขึ้นมาบริหารประเทศในเดือนพ.ย. หรือต่อให้เป็นรัฐบาลชุดเดิมก็ตาม” นายวลาด เตเนฟ ซีอีโอของโรบินฮูดกล่าวในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์ เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ด้านการกำกับดูแล
ด้านนายเจสัน วอร์นิก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโรบินฮูด ไม่ได้กังวลว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของบริษัท
“ไม่ว่าแนวโน้มตลาดในช่วงที่เหลือของปีจะเป็นอย่างไร เราค่อนข้างมั่นใจว่า เรามีศักยภาพที่จะสามารถทำผลงานได้ดี” นายวอร์นิกกล่าวในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว
หลังจากที่โรบินฮูดตกเป็นจุดศูนย์กลางของกระแสเทรดหุ้นมีมในปี 2564 บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนของปริมาณการซื้อขายในช่วงสองปีที่ผ่านมา และกำลังพยายามรับมือกับผลกระทบดังกล่าวด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า
ทั้งนี้ รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิรายไตรมาสของโรบินฮูด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการให้ลูกค้าใช้มาร์จิน เพิ่มขึ้น 22% เป็น 285 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า โรบินฮูดรายงานรายได้ไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. อยู่ที่ 682 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 643.34 ล้านดอลลาร์
ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 21 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 15 เซนต์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 67)
Tags: Robinhood, โรบินฮูด