ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่เปิดตลาดร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงในวันพุธ (7 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่น และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดียในวันนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ 35,148.10 จุด เพิ่มขึ้น 58.48 จุด หรือ +0.17%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 16,998.45 จุด เพิ่มขึ้น 120.59 จุด หรือ +0.71% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 2,880.61 จุด เพิ่มขึ้น 10.77 จุด หรือ +0.38%
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.5% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 0.20%
ญี่ปุ่นเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 1.533 ล้านล้านเยน ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.789 ล้านล้านเยน
ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Repo Rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.5% ในการประชุมวันนี้ (8 ส.ค.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 9 และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะเดียวกัน RBI ยังคงเดินหน้าความพยายามให้การฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 4% อย่างยั่งยืน
ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานสรุปความคิดเห็น (Summary of Opinions) ของกรรมการ BOJ ในวันนี้ โดยระบุว่า ในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมานั้น กรรมการบางส่วนได้เรียกร้องให้ BOJ เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่กรรมการคนหนึ่งกล่าวว่า BOJ ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับประมาณ 1%
ทั้งนี้ กรรมการทั้ง 9 คนของ BOJ ยังได้อภิปรายเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ว่า ต้นทุนการนำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น อาจจะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากรรมการ BOJ เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 67)
Tags: ตลาดหุ้นเอเชีย