นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปสถิติสำคัญตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือน ก.ค.67 ว่า ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นครั้งที่ 8 อยู่ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยถ้อยแถลงของ Jerome Powell มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนก.ย.นี้ หลังจากนั้นตลาดหุ้นต่างๆ ทั่วโลกนำโดยสหรัฐฯ และญี่ปุ่นโดนแรงเทขายจากผู้ลงทุนหลังจากความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
จากความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างๆ ในช่วงนี้ทำให้ผู้ลงทุนอาจหาหุ้นในตลาดที่มี Valuation เหมาะสมและได้รับผลกระทบจากความผันผวนค่อนข้างจำกัด เริ่มเห็นสัญญาณเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยแต่ในปริมาณเริ่มลดลง โดยเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นตลอดทั้งเดือนท่ามกลางแรงหนุนหลักจากการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียในภาพรวม นำโดยเงินเยน การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกที่มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของผู้ลงทุนต่างประเทศ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากการส่งออกและท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกมาตรการควบคุมการทำ Short Sell ส่งผลให้การทำ Short Sell ลดลง เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติลดลง ทำให้สัดส่วนการซื้อขายโดยผู้ลงทุนในประเทศสูงขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการภาษีใหม่สำหรับกองทุน Thai ESG เพิ่มการลดหย่อนภาษีและลดระยะเวลาการถือครอง
– ณ สิ้นเดือนก.ค.67 SET Index ปิดที่ 1,320.86 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนหน้า แต่ปรับลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 66 โดยผู้ลงทุนยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและประเมินผลกระทบจากมาตรการเรียกความเชื่อมั่นในตลาดทุนที่เพิ่งประกาศใช้ในเดือนก.ค.67
– ในเดือนก.ค.67 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 66 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และ กลุ่มบริการ
– 7 เดือนแรกของปี 67 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 44,162 ล้านบาท ลดลง 22.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 117,559 ล้านบาท นอกจากนี้ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 27
– ในเดือนก.ค.67 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) และ บมจ.เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี (CHAO) และใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ไนซ์ คอล (NCP)
– Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนก.ค.67 อยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.1 เท่า
– อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนก.ค.67 อยู่ที่ระดับ 3.53% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.17%
ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนก.ค.67 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 379,777 สัญญา ลดลง 30.3% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 67 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 436,537 สัญญา ลดลง 20.1% จากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Future
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 67)
Tags: SET, ตลท., ศรพล ตุลยะเสถียร, หุ้นไทย