สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า นางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คัดผู้ที่จะมาเป็นคู่หูลงชิงชัยตำแหน่งรองปธน.สหรัฐเหลือ 2 คนสุดท้ายแล้ว คือ นายทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา และนายจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย
นางแฮร์ริส รองปธน.สหรัฐคนปัจจุบัน คาดว่าจะประกาศผลการคัดเลือกภายในวันนี้ (6 ส.ค.) ก่อนปรากฏตัวพร้อมแคนดิเดตรองปธน.ด้วยกันครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยเทมเพิล ในฟิลาเดลเฟีย ในค่ำวันเดียวกัน
เมื่อคืนวันจันทร์ นางแฮร์ริสส่งข้อความถึงผู้สนับสนุนว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ
“ฉันรู้ว่าหลายคนใจจดใจจ่อรอฟังว่าใครคือคนที่ดิฉันจะเลือกมาร่วมเดินทางบนเส้นทางการหาเสียง และหวังว่าจะได้เข้าทำเนียบขาวในฐานะรองประธานาธิบดีของดิฉัน”
“แม้ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่สิ่งสำคัญสำหรับดิฉันคือ ผู้สนับสนุนระดับรากหญ้าอย่างพวกคุณ จะได้รับทราบความคืบหน้าโดยตรง” นางแฮร์ริสกล่าว พร้อมชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนผ่านลิงก์ เพื่อรับทราบข่าวการประกาศเป็นกลุ่มแรก
การเลือกคู่หูครั้งนี้ถือเป็นหมากสำคัญในเกมการเมืองของนางแฮร์ริส ขณะที่เธอเร่งรวบรวมทีมหาเสียงเพื่อท้าชิงกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกัน และนายเจดี แวนซ์ สว.สหรัฐคู่ชิงตำแหน่งรองปธน. ในศึกเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ นายแวนซ์มีคิวลงพื้นที่หาเสียงที่เซาท์ฟิลาเดลเฟียในวันอังคารนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ นายชาปิโร วัย 51 ปี เป็นดาวรุ่งพรรคเดโมแครตที่ได้รับความนิยมสูงในรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐสำคัญที่มี 19 คะแนนเสียงที่ทั้งนางแฮร์ริสและนายทรัมป์ต้องชนะให้ได้
อดีตอัยการสูงสุดของรัฐรายนี้จะเพิ่มความสำคัญทางประวัติศาสตร์ให้ทีมหาเสียงของนางแฮร์ริส ในฐานะว่าที่รองปธน.ชาวยิวคนแรกของประเทศ ขณะที่นางแฮร์ริสหวังจะเป็นปธน.หญิงผิวสีและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี จุดยืนสนับสนุนอิสราเอลของนายชาปิโรอาจทำให้โหวตเตอร์หัวก้าวหน้าบางส่วนไม่พอใจ แต่ก็อาจดึงคะแนนเสียงจากสายกลางและตัดไพ่ตายฝ่ายรีพับลิกันที่หวังใช้ประเด็นสงครามอิสราเอล-กาซาเป็นเครื่องมือโจมตีพรรคเดโมแครต
ในอีกด้านหนึ่ง นายวอลซ์ วัย 60 ปี เป็นอดีตทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิและอดีตครู ที่เพิ่งสร้างชื่อในฐานะผู้สนับสนุนนายแฮร์ริสตัวยง โดยโจมตีนายทรัมป์และนายแวนซ์ว่าเป็นพวก “เพี้ยน” จนกลายเป็นวลีฮิตของทีมหาเสียงนางแฮร์ริส
นายวอลซ์ อดีตส.ส.จากเขตที่เคยเป็นฐานเสียงรีพับลิกันรายนี้ พิสูจน์แล้วว่าเข้าถึงกลุ่มโหวตเตอร์ชนบทผิวขาวได้ดี แม้จะผลักดันนโยบายก้าวหน้าในฐานะผู้ว่าฯ ไปด้วย เช่น นโยบายอาหารกลางวันฟรีในโรงเรียนและนโยบายขยายสิทธิลาหยุดโดยได้รับค่าจ้าง แม้รัฐมินนิโซตาจะเป็นฐานเสียงมั่นคงของเดโมแครตอยู่แล้ว แต่ก็อยู่ใกล้รัฐวิสคอนซินและรัฐมิชิแกน ที่เป็น 2 รัฐสมรภูมิสำคัญ
ก่อนหน้านี้มีกระแสคาดการณ์ว่ามี 6 คนสุดท้ายที่ได้ลุ้นเป็นแคนดิเดตรองปธน. นอกเหนือนายชาปิโรและนายวอลซ์แล้ว ที่เหลือประกอบด้วยนายมาร์ก เคลลี สว.รัฐแอริโซนา, นายพีท บูติเจจ รัฐมนตรีคมนาคม, นายแอนดี เบอเชียร์ ผู้ว่าฯ รัฐเคนทักกี และนายเจ.บี. พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าฯ อิลลินอยส์
ทั้ง 6 คนนี้ล้วนเป็นชายผิวขาวที่มีประวัติชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มคนชนบท กลุ่มคนผิวขาว หรือกลุ่มที่ไม่สังกัดพรรคใดพรรคหนึ่ง
แหล่งข่าวเปิดเผยกับทางรอยเตอร์ว่า ผู้สมัครจะได้รับแจ้งผลคืนวันจันทร์หรือเช้าวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น โดยทีมหาเสียงนางแฮร์ริสเตรียมประกาศผ่านโซเชียลมีเดียพร้อมภาพคู่อย่างเป็นทางการ
อนึ่ง การค้นหาคู่หูของนางแฮร์ริสเริ่มต้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งและสนับสนุนให้เธอลงแทน
ยังไม่มีสัญญาณว่าแรงเทขายหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้จะกระทบกำหนดการประกาศชื่อแคนดิเดตรองปธน. ขณะที่นายทรัมป์รีบฉวยโอกาสนี้โพสต์ในทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่าเป็นปรากฏการณ์ “คามาลาคว่ำ” (Kamala crash) หลังตลาดหุ้นร่วง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นางแฮร์ริสประชุมกับทีมตรวจสอบ รวมถึงอดีตอัยการสูงสุด นายอีริค โฮลเดอร์ โดยนายโฮลเดอร์และทีมงานจากโควิงตัน แอนด์ เบอร์ลิง (Covington & Burling LLP) สำนักงานกฎหมายของเขา ได้สืบประวัติว่าที่แคนดิเดตรองปธน.แต่ละคนอย่างละเอียด
แหล่งข่าวระบุว่า นางแฮร์ริสกำลังชั่งใจเลือกแคนดิเดตรองปธน. โดยปรึกษาหารือกับนายดั๊ก เอมฮอฟฟ์ ผู้เป็นสามี, นายโทนี เวสต์ ผู้เป็นน้องเขย และทีมกุนซือวงในกลุ่มเล็ก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 67)
Tags: คามาลา แฮร์ริส, เลือกตั้งสหรัฐ