ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำในรอบกว่า 6 เดือนในวันจันทร์ (5 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงนำตลาด
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ487.05 จุด ร่วงลง 10.80 จุด หรือ -2.17%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,148.99 จุด ลดลง 102.81 จุด หรือ -1.42%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,339.00 จุด ลดลง 322.22 จุด หรือ -1.82% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,008.23 จุด ร่วงลง 166.48 จุด หรือ -2.04%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 โดยปิดตลาดต่ำกว่าระดับ 500 จุดเป็นวันที่ 2
ดัชนี Euro Stoxx volatility index หรือดัชนีความวิตก แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
บรรดานักลงทุนพากันหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความวิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นอื่น ๆ และเพิ่มความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า ขณะนี้เทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 78% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ขณะที่มีโอกาส 88% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 2
หุ้นกลุ่มพลังงานแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนตามราคาน้ำมัน ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน และหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนด้วยจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเคมีภัณฑ์ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แม้ร่วงลงราว 1%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 67)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป