ปีทองของ บมจ.ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) กำไรไตรมาส 2/67 ลุ้น New High ตามราคาทองคำร้อนแรงทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ และยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หนุนปริมาณการรับซื้อและดอกเบี้ยรับจากธุรกิจขายฝาก แม้เป็นช่วง Low season
ขณะที่ไตรมาส 3/67 คาดโตต่อเนื่องจากราคาทองคำที่ยังเป็นขาขึ้น และความต้องการใช้เงินสูงตามฤดูกาล การขยายสาขา ส่งผลให้พอร์ตลูกหนี้ขายฝากปรับเพิ่มขึ้น หนุนผลงานครึ่งปีหลังโต
ราคาหุ้น AURA เปิดภาคบ่ายที่ 14.50 บาท ลดลง 0.30 บาท (-2.03%)
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 จะออกมาดีกว่าที่คิด โดยคาดกำไรปกติอยู่ที่ 324 ล้านบาท จากราคาทองคำเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้เงินในภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีนัก การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดจากสถาบันการเงินในประเทศ หนุนธุรกิจขายฝากทอง-รับซื้อคืนทองปรับตัวดีขึ้น ซึ่งธุรกิจนี้ถือว่ามีมาร์จิ้นสูง
ขณะที่กลยุทธ์การขยายสาขา AURA เพิ่มสาขาใหม่ 22 สาขาในไตรมาสนี้ รวมอยู่ที่ 451 สาขา จะเห็นได้ว่า AURA ได้ชะลอการเปิดร้านค้าปลีกทองคำภายใต้แบรนด์ ออโรร่า และ ซุ่ยเซ่งเฮง แต่ขยายสาขาสำหรับสินเชื่อทองคำและการขายคืนทองคำอย่างรวดเร็วภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” (TMNP)
ส่วนไตรมาส 3/67 คาดยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/67 จากทั้งราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูง และความต้องการใช้เงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้มองโอกาสที่งบจะดีต่อเนื่องเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/67 อาจชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาส 3 และไตรมาส 2 จากความต้องการจำนำ ขายฝาก ขายคืนน้อยลง เนื่องด้วยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ประชาชนจะได้รับเงินในช่วงไตรมาส 4 นี้ และยังต้องลุ้นความต้องการซื้อทองคำในช่วงปลายปีว่าจะมีมากน้อยเพียงใด เนื่องจากราคาทองคำที่อาจสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน
กำไรปกติครึ่งแรกของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนของการประมาณการกำไรปกติปี 67 ที่จะสูงถึง 60.5% เทียบกับ 55% ในปี 65 และ 55% ในปี 66 แม้ว่าพรีวิวกำไรปกติในครึ่งแรกของปี 67 ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงขาขึ้นต่อประมาณการกำไรปกติ แต่ยังคงประมาณการไว้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาทองคำที่สูงขึ้นและอุปสงค์ของผู้บริโภคต่อสินเชื่ออาจคงอยู่ได้ไม่นานนัก
แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 67 ที่ 18.43 บาท ลุ้นประกาศงบออกมาดีกว่าคาด จะเป็นแรงหนุนต่อราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้นได้ต่อ
บล.ทิสโก้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 354 ล้านบาท เติบโต 77% YoY จากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นและ +29% QoQ ตามการเติบโตของธุรกิจขายฝากที่ดีกว่าคาด และการขยายสาขาเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขายฝากในอนาคตที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 2 แสนล้านบาท คาดรายได้ที่ 7.5 พันล้านบาท ลดลง 1% YoY หลักๆ จากกำลังซื้อของผูบริโภคที่อ่อนแอ ขณะที่ราคาทองคำเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเป็นราว 40,650 บาท (+26% YoY, +14% QoQ) รวมถึงรายได้จากช่องทาง Online ที่คาดว่ายังคงลดลงจากการที่พันธมิตรมีลดการสนับสนุนลง
ส่วนการขยายสาขาเชิงรุกยังดำเนินต่อเป็น 451 สาขา (จาก 319 สาขาในไตรมาส 2/66 และ 429 สาขาในไตรมาส 1/67) ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “ทองมาเงินไป” เพิ่มขึ้น 111 สาขา YoY และ 21 สาขา QoQ ส่งผลให้พอร์ตลูกหนี้ขายฝากคาดปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท (+74% YoY, +26% QoQ) ตามการขยายสาขาและราคาเฉลี่ยทองที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยรับที่เติบโตก้าวกระโดดเป็น 141 ล้านบาท (+101% YoY, +43% QoQ)
อัตรากำไรขั้นต้นคาดปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.5% จาก 8.5% ในไตรมาส 1/67 เพราะมีสัดส่วนปริมาณการรับซื้อทองคำสูงขึ้นตั้งแต่ช่วง มี.ค.-พ.ค. ซึ่งโดยปกติจะทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าการขาย ในขณะที่คาดค่าใช้จ่ายในขายและบริหารจะเพิ่มขึ้น 15% YoY ตามปริมาณสาขาที่เพิ่มขึ้น เราคาด EBIT เติบโตเป็น 538 ล้านบาท (+76% YoY, +28% QoQ)
ประเมินมูลค่า AURA กลางปี 68 ที่ 16.6 บาท โดยใช้ P/E ที่ 21.6 เท่า ความเสี่ยง ได้แก่ 1.การเติบโตของธุรกิจขายฝาก 2.ความผันผวนของราคาทองคำ และ 3.กระแสเงินสดอ่อนแอ
ส่วน บล.ดาโอ ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ AURA ปี 67 ขึ้น 3% เป็น 1.1 พันล้านบาท +27% YoY จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 ที่จะดีกว่าคาดเดิม และมีผลทำให้กำไรครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 633 ล้านบาท +36% YoY คิดเป็น 59% จากกำไรทั้งปี สำหรับกำไรในครึ่งปีหลังคาดจะยังเติบโตดี YoY ต่อเนื่อง จากจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น และธุรกิจขายฝากยังคงสดใส โดยประเมินลูกหนี้ขายฝาก ณ สิ้นปี 67 จะเพิ่มเป็น 4.2 พันล้านบาท จากสิ้นปี 66 ที่ 2.7 พันล้านบาท
ราคาหุ้น underperform SET -1% ในช่วง 6 เดือน จากความกังวลกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่กลับมา outperform SET +7%/+7% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากกำไรไตรมาส 1/67 ที่ดีขึ้นทำ new high
ยังแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรไตรมาส 2/67 ที่จะเติบโตโดดเด่น แม้เริ่มเข้าสู่ช่วง low season ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังนี้ และปี 68 จะยังคงมีการเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง ตามการขยายสาขา และธุรกิจขายฝากที่เติบโตโดดเด่น ด้าน valuation ยังน่าสนใจ เทรด 2024E PER ที่ 17.1 เท่า คิดเป็น -1.25SD
สำหรับกำไรไตรมาส 2/67 จะดีขึ้นมาก ทำสถิติสูงสุดใหม่ จาก GPM ที่ปรับตัวสูงขึ้น เราประเมินกำไรสุทธิจะดีขึ้นมากทำ สถิติสูงสุดใหม่ที่ 359 ล้านบาท +80% YoY, +31% QoQ เนื่องจาก
1. ธุรกิจค้าปลีก ได้ผลบวกจาก GPM ที่จะปรับตัวสูงขึ้นมากเป็น 11.8% (ไตรมาส 2/66 = 8.5%, ไตรมาส 1/67 = 9.6%) จากส่วนต่างราคาขายและต้นทุนที่สูงขึ้น ตามทิศทางราคาทองที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนทองคำที่ AURA รับซื้อมาก่อนหน้ายังเพิ่มไม่มาก (inventory turnover โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 90 วัน) ช่วยชดเชยรายได้ที่จะชะลอตัวเป็น 7.4 พันล้านบาท -2% YoY, -8% QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low season และกำลังซื้อที่ชะลอตัว
2. ธุรกิจขายฝาก ประเมินรายได้และกาไรขั้นต้นจะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็น 140 ล้านบาท +99% YoY, +42% QoQ จากพอร์ตลูกหนี้ขายฝากที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.0 พันล้านบาท จากไตรมาส 1/67 ที่ 3.2 พันล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วง high season ของธุรกิจ จากการเปิดภาคเรียนใหม่ ทำให้มีการนำทองมาจำนำมากขึ้น สำหรับจำนวนสาขารวมไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 451 สาขา +22 สาขา จากไตรมาส 1/67 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสาขา Aurora+เซ่งเฮง +1 สาขา และทองมาเงินไป +21 สาขา
แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 จะเป็นระดับต่ำสุดของปี (แต่ยังเติบโต YoY ได้) เนื่องจากเป็นช่วง low season ของธุรกิจ และ GPM จะทยอยลดลงจากระดับสูงเมื่อเทียบไตรมาส 2/67 และจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/67 จากการเริ่มเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจในช่วงปลายปี
ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 18.50 บาท (เดิม 18.00 บาท) ยังอิง 2024E PER ที่ 23 เท่า โดยมี catalyst จากกำไรไตรมาส 2/67 ที่จะเติบโตโดดเด่นทาสถิติสูงสุดใหม่ แม้เริ่มเข้าสู่ low season และรวมทั้งปี 67 ที่ยังคงเติบโต YoY ได้ดีต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ส.ค. 67)
Tags: AURA, Consensus, SCOOP, ราคาทองคำ, ออโรร่า ดีไซน์