ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 40 เดือน ก.ค.67 ในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยครึ่งปีหลัง” จากความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท.จำนวน 143 ราย ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด
1) ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ธุรกิจและยอดขายมีทิศทางอย่างไรเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อันดับ 1 : ทรงตัว 30.8%
อันดับ 2 : หดตัว 1 – 10% 23.8%
อันดับ 3 : ขยายตัว 1 – 10% 21.0%
อันดับ 4 : หดตัวมากกว่า 10% 19.6%
อันดับ 5 : ขยายตัวมากกว่า 10% 4.9%
2) ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจและยอดขายอย่างไรเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก
อันดับ 1 : ไม่เปลี่ยนแปลง 39.8%
อันดับ 2 : แย่ลง 32.2%
อันดับ 3 : ดีขึ้น 28.0%
3) ปัจจัยสนับสนุนที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567
อันดับ 1 : การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 56.0%
อันดับ 2 : ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 41.4%
อันดับ 3 : การส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2567 38.8%
อันดับ 4 : มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขยายตัว 21.6%
ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
4) ปัจจัยเสี่ยงเรื่องใดที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง
อันดับ 1 : การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ 54.5%
อันดับ 2 : ต้นทุนการผลิตที่ผันผวนอยู่ในระดับสูงทั้งจากค่าไฟฟ้า พลังงาน 51.0%
ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่ง
อันดับ 3 : สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศ 38.5%
และตลาดเป้าหมายของไทย
อันดับ 4 : กำลังซื้อของประชาชนที่ชะลอตัวจากหนี้ครัวเรือนและ NPL ที่อยู่ในระดับสูง 35.7%
5) ภาครัฐควรดำเนินมาตรการใดเพื่อช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
อันดับ 1 : ส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะ (Pay by Skill) 55.9%
แทนการปรับค่าแรงขั้นต่ำ
อันดับ 2 : ส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือ Made in Thailand 50.3%
ในภาคเอกชนผ่านมาตรการทางภาษี
อันดับ 3 : แก้ไขปัญหาหนี้สินของ SMEs และหนี้ครัวเรือนที่มีความเสี่ยงจะเป็นหนี้เสีย 47.6%
(NPL)
อันดับ 4 : มาตรการอุดหนุนราคาพลังงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต 41.3%
6) ผู้ประกอบการควรปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอย่างไร
อันดับ 1 : นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 67.1%
และพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ๆ
อันดับ 2 : นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต 47.6%
เช่น LEAN Manufacturing
อันดับ 3 : สร้างเครือข่ายและพันธมิตรเพื่อร่วมกันแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ 47.6%
อันดับ 4 : ขยายตลาดใหม่หรือทำตลาดในหลายประเทศเพื่อลดความเสี่ยง 45.5%
จากการพึ่งพาตลาดเดียว
7) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ภาครัฐควรเร่งปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในเรื่องใด
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
อันดับ 1 : ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุน 48.3%
เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม
อันดับ 2 : พัฒนาระบบการศึกษา และส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงาน 46.9%
Upskill & Reskill & Newskill ให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต
อันดับ 3 : ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมแบบมุ่งเป้าในภาคการผลิต 42.7%
อันดับ 4 : สนับสนุนการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 26.6%
และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ความยั่งยืน
8) คาดการณ์ GDP เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 จะขยายตัวในระดับใด
อันดับ 1 : ขยายตัวต่ำกว่า 2% 51.7%
อันดับ 2 : ขยายตัว 2 – 3% 39.9%
อันดับ 3 : ขยายตัว 3 – 4% 5.6%
อันดับ 4 : ขยายตัวมากกว่า 4% 2.8%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ส.ค. 67)
Tags: ปีกทอง ทองใหญ่, ผลสำรวจ, ส.อ.ท.