BTS เคลียร์ชัดจัดบ้านใหม่ลดความซับซ้อนหวังฟื้นมาผงาด อัพเรทติ้ง-พุ่งเป้ากลับมาจ่ายปันผล

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า BTS อยู่ระหว่างการจัดบ้านใหม่ เพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจ โดยก้าวแรกคือการจัดโครงสร้างการถือหุ้น ใน บมจ.วีจีไอ (VGI) บมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ (RABBIT) และ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล (ROCTEC) จากนั้นจะทบทวนแต่ละกลุ่มธุรกิจนกลุ่ม ได้แก่ MOVE, MIX, MATCH จะมีธุรกิจอะไรบ้าง ขอเวลา 1 เดือน เชื่อว่าจะช่วยทำให้ภาพธุรกิจในกลุ่ม BTS ไม่ซับซ้อน

การปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่ม BTS เพื่อต้องการให้การดำเนินธุรกิจในกลุ่มเป็นไปอย่างชัดเจน ไม่ซับซ้อน ให้ผู้ลงทุนเข้าใจง่าย และต้องการขยับอันดับเครดิตขึ้นทั้งของ BTS เองและบริษัทในกลุ่ม หลังจากทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว มาที่ “A-” จาก “A” ขณะที่ BTS ทริสฯ ยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ที่ “A-” เมื่อปี 66 และล่าสุด มิ.ย.67 ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ BTS ที่ระดับ”BBB+”

นอกจากนี้ บริษัทคาดหวังว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลให้ได้ หลังจากงวดปี 67 (สิ้นสุด มี.ค.67) ประสบผลขาดทุน 5,241.24 ล้านบาท

“ตอนนี้สิ่งที่ต้องการหลังปรับโครงสร้างเสร็จ ภาพของ BTS ต้องดูชัดเจน สะอาดขึ้น เข้าใจง่าย คุณคีรี (คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ BTS) ต้องการเอา Rating กลับมา และก็จะกลับมาจ่ายเงินปันผลให้ได้” นายกวิน กล่าว

นายกวิน กล่าวว่า ปัจจุบันปัจจัยหลายๆอย่างของบริษัทชัดเจนมากขึ้น หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินที่ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมจ่ายชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 แล้ว ก็คาดว่าปัญหาหนี้ก้อนโตราว 4 หมื่นล้านบาทที่ กทม.ค้างจ่ายจะมีทางออกในเร็วๆนี้ ประกอบกับหลังการระบาดโควิด ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง บริษัทจึงมาปรับโครงสร้างกันใหม่

 

*VGI กำเงิน 1.3 หมื่นลบ.ต่อยอดธุรกิจเสริมแกร่ง

ในขั้นแรก BTS ระดมเงินจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 2,926,141,881 หุ้น ราคา 4.50 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 13,167.64 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้รองรับการทำคำเสนอซื้อหุ้น ROCTEC และ RABBIT ที่คาดว่าจะใช้เงินทั้งหมด 14,870.60 ล้านบาท แต่คาดว่าคงไม่ได้ซื้อเต็มจำนวน เพราะต้องการถือหุ้นเกินกว่า 50% เท่านั้น

ขณะที่ VGI ขายหุ้นให้กับ 4 กองทุนจะได้รับเงิน 13,208.22 ล้านบาท ก็จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของ VGI เพื่อนำมาขยายธุรกิจต่อไป

นายกวิน กล่าวว่า ในส่วน VGI เนื่องจากมีสัญญาทำธุรกิจโฆษณากับ BTS เหลือแค่ 5 ปี ในฐานะกรรมการและผู้บริหารก็ต้องหาแนวทางออกหาก BTS ไม่ได้ต่อสัญญาสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลักที่จะสิ้นสุดในปี 72 โดยปัจจุบัน นอกจากธุรกิจโฆษณาแล้ว VGI ก็มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง Financial ได้แก่ Rabbit Card , Rabbit Cash มองว่ามีโอกาสขยายได้อีก

ขณะที่ 4 กองทุนสนใจเข้าลงทุน VGI เป็นกองทุนจากสิงคโปร์ 2 แห่ง กองทุนจากฮ่องกง 1 แห่ง และกองทุนจากไทย 1 แห่ง ที่จะไม่เข้ามามีส่วนในการบริหาร และ BTS ก็ยังถือหุ้นใหญ่ 34-35% แม้ว่าจะ Dilute จากการเพิ่มทุนไปแล้ว ซึ่งจะยังคงบริหารงานเช่นเดิม และบริษัทยังได้รับเงินสดจากการขายหุ้นราว 1.3 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ เพราะ VGI ไม่มีหนี้

 

*มอง ROCTEC ต่อยอดธุรกิจรถไฟฟ้า

นายกวิน กล่าวว่า BTS เห็นโอกาสธุรกิจใน ROCTEC ซึ่งเดิมทำธุรกิจโฆษณา (เดิม คือ บมจ.มาสเตอร์แอด (MACO)) ที่อยู่ภายใต้ VGI แต่ปัจจุบัน ROCTEC ดำเนินธุรกิจงานระบบครบวงจร (Integrated Technology Solutions) และเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านการสื่อสารในระบบขนส่งมวลชนทางรางแถบทวีปเอเชีย ลูกค้าหลัก อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส ระบบขนส่งมวลชนทางรางในฮ่องกง (HK MTR) สนามบินนานาชาติฮ่องกง รถไฟฟ้ารางเบามาเก๊า (Macau LRT) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนประเทศสิงคโปร์ (SMRT) รวมถึงให้บริการโซลูชันด้านหน้าจอสื่อโฆษณา ดังนั้น จึงต้องการโยก ROCTEC ไปอยู่ภายใต้ BTS

ทั้งนี้ VGI ถือหุ้นใหญ่ใน ROCTEC 27.06% ขณะที่ BTS ถืออยู่ 17.26% แต่หาก BTS จะซื้อ ROCTEC จาก VGI ก็เท่ากับถือเกิน 25% ก็ต้องทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) อยู่แล้ว จึงมาทำ Tender Offer ไปเลยทีเดียว โดย BTS คาดหวังว่าจะถือหุ้น ROCTEC เกิน 50% โดยเบื้องต้นหากรวมที่ BTS และ VGI ถืออยู่รวมกันได้ประมาณ 44.32% แล้ว

โดย BTS ทำคำเสนอซื้อ หุ้นละ 1.00 บาท จำนวน 6,716,524,538 หุ้น รวมเป็นเงิน 6,716,524,538 บาท

 

*อสังหาฯใน RABBIT ถูกและดี เป็นโอกาสลงทุนเพิ่ม

สำหรับการเข้าทำเทนเดอร์หุ้น RABBIT นายกวิน กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของ RABBIT โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปยังมีทิศทางที่ดี ขณะที่ราคาหุ้น RABBIT ตกลงไปมากกว่า 50% ของต้นทุนของบริษัทที่ราคาหุ้น RABBIT กว่า 1 บาทต่อหุ้น ถือว่าถูกมากๆ จึงมองว่าเป็นโอกาสลงทุนเพิ่ม

ปัจจุบัน BTS ถือหุ้นใน RABBIT ราว 48.54% ซึ่งบริษัทต้องการถือหุ้นเกินกว่า 50% แต่การจะซื้อหุ้นมาอีก 2% ก็ต้องทำเทนเดอร์ และจากการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นว่าบริษัทควรทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด ซึ่งบริษัทจะเสนอซื้อหุ้น RABBIT ที่ราคา 0.60 บาทสหรัฐหุ้นสามัญจำนวน 5,481,004,623 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ์ จำนวน 8,109,121,267 หุ้น รวมเป็นเงิน 8,154,075,534 บาท

ทั้งนี้ นายกวิน กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินเพิ่มทุน BTS ที่คาดว่าจะได้ 1.3 หมื่นล้านบาทไปใช้ในการทำเทนเดอร์หุ้น ROCTEC และ RABBIT โดยนายคีรี และนายกวิน ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็พร้อมซื้อหุ้นเพิ่มทุน BTS ในราคา 4.50 บาทด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top