ยอดใช้กลุ่มเบนซิน H1/67 วูบ หลังกระแสรถ EV โตต่อเนื่อง, ดีเซล-น้ำมันอากาศยาน-LPG ยังโตได้

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบครึ่งปีแรกของปี 67 เฉลี่ยเดือนม.ค.-มิ.ย. อยู่ที่ 156.68 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

– กลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.67 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการใช้แก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.07 ล้านลิตร/วัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.42 ล้านลิตร/วัน แก๊สโซฮอล์ อี20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.50 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงมาอยู่ที่ 17.60 ล้านลิตร/วัน ขณะที่ปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.76 ล้านลิตร/วัน

ปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินที่ลดลงอาจเนื่องมาจากปัจจัยด้านฤดูกาลการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองซึ่งเชื่อมโยงกับสายอื่น ๆ ส่งผลให้ปริมาณการใช้มีการปรับตัวลดลง

– ดีเซลหมุนเร็ว เฉลี่ยอยู่ที่ 68.61 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดามีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.0% มาอยู่ที่ 68.46 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ลดลงจากปีก่อน2.5% มาอยู่ที่ 0.15 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาท/ลิตร จนถึงวันที่ 31 ต.ค.67 ผ่านการบริหารเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

– น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 15.74 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 17.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจากปีก่อน ประกอบกับนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล เช่น นโยบายฟรีวีซ่า การเพิ่มเที่ยวบินพิเศษในช่วงเทศกาล การลดหย่อนภาษีสำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองรอง อีกทั้งคณะรัฐมนตรีมีมติปรับมาตรการอนุญาตให้ชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศ เดินทางเข้าราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า (สามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน) เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายที่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.67 เป็นต้นไป คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

– การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 18.35 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของภาคปิโตรเคมี 8.7% มาอยู่ที่ 8.38 ล้านกก./วัน ภาคขนส่งเพิ่มขึ้น 3.0% มาอยู่ที่ 2.32 ล้านกก./วัน โดยปริมาณการใช้ LPG มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการดำเนินงานของภาคปิโตรเคมี ในขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรมลดลง 3.3% มาอยู่ที่ 1.96 ล้านกก./วัน และภาคครัวเรือนลดลง 0.3 %มาอยู่ที่ 5.70 ล้านกก./วัน

– การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.90 ล้านกก./วัน ลดลง 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บมจ.ปตท. (PTT) มีมติเห็นชอบแผนช่วยเหลือราคา NGV ในระยะ 2 ปี โดยปัจจุบันดำเนินการอยู่ในระยะที่ 2 (1 ก.ค.67 – 31 ธ.ค. 68) ซึ่งเป็นการตรึงราคาให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะที่ถือบัตรสิทธิประโยชน์ฯ โดยสิทธิประโยชน์จะแตกต่างไปตามประเภทของรถ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มรถโดยสาร สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถทั่วไป ราคาจะเป็นไปตามกลไกตลาด หลังจากถูกตรึงมาเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค.ถึง มิ.ย.67)

สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,045,345 บาร์เรล/วัน ลดลง 2.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 99,470 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ อยู่ที่ 982,242 บาร์เรล/วัน ลดลง 0.9% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 94,683 ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 63,102 บาร์เรล/วัน ลดลง 19.5% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 4,787 ล้านบาท/เดือน

ขณะที่การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 162,741 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 4.8% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 16,832 ล้านบาท/เดือน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top