ราคาหุ้นอินเทลร่วงลงมากถึง 20% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการของตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) หลังจากที่บริษัทเปิดเผยว่าจะเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 15% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับลดต้นทุนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และบริษัทรายงานผลประกอบการต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ อินเทลระบุว่า จะไม่จ่ายเงินปันผลในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 และจะปรับลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนทั้งปีลงกว่า 20%
อินเทลระบุว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 29 มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 2 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 10 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 1.283 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.294 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อเทียบเป็นรายปี รายได้ของอินเทลลดลง 1% ในไตรมาส 2/2567 และบริษัทขาดทุนสุทธิ 1.61 พันล้านดอลลาร์หรือ 38 เซนต์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 1.48 พันล้านดอลลาร์หรือ 35 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
แพต เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของอินเทลแถลงต่อนักวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจเร่งผลิตชิป Core Ultra PC ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จำนวนมากนั้น เป็นเหตุให้บริษัทเผชิญกับภาวะขาดทุน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 67)
Tags: ผลประกอบการ, อินเทล, เลิกจ้างพนักงาน