นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุ และแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ แถลงข้อสรุปที่ได้มีการหารือกันในที่ประชุมเกี่ยวกับการฟ้องร้องในคดีต่าง ๆ ว่า แบ่งได้เป็น คดีอาญา คดีแพ่ง และคดีการปกครอง
สำหรับในส่วนคดีทางอาญา ทุกภาคส่วนลงความเห็นว่าอาจฟ้องเอาผิดไม่ได้ แต่คดีความทางแพ่งอาจสามารถเอาผิดได้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ซึ่งกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทเอกชน ในฐานละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายได้ และอีกส่วนเป็นการฟ้องร้องของรัฐโดยตรง ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 กรณีหากผู้ใดทำให้สิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรธรรมชาติเสียหาย ต้องจ่ายค่าชดเชยให้รัฐทั้งหมดได้ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ร่วมดำเนินการสำรวจความเสียหาย และจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ในส่วนคดีการปกครอง มีบางภาคส่วนได้ดำเนินคดีกับกรมประมงไปแล้ว ในเรื่องที่อนุญาตบริษัทเอกชนให้นำเข้า แต่ไม่ได้เก็บครีบ และส่งขวดโหลปลาคืนให้กับกรมประมง อาจต้องดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ต่อไป เพราะไม่แน่ใจว่าในเงื่อนไขได้กำหนดเวลาไว้หรือไม่
นพ.วาโย ระบุว่า ทางคณะอนุกมธ.ฯ ได้เชิญบริษัทเอกชนเข้ามาชี้แจงเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งนี้ ได้ให้คณะกรรมาธิการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ออกหนังสือเชิญด้วยตัวเอง และยังไม่มีหนังสือลาการประชุม คาดว่าวันนี้บริษัทเอกชนดังกล่าว จะเข้ามาชี้แจงในที่ประชุมแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 67)
Tags: ปลาหมอคางดำ, พรรคก้าวไกล, วาโย อัศวรุ่งเรือง