ต่างชาติเทขายหุ้นอินเดียเกือบ 1 พันล้านดอลล์ หลังรัฐบาลขึ้นภาษีกำไรหุ้นได้ 2 วัน

นักลงทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นอินเดียไปแล้วเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาแค่ 2 วันหลังจากที่รัฐบาลอินเดียประกาศขึ้นภาษีการซื้อขายอนุพันธ์และภาษีกำไรจากการขายหุ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณประจำปี

ข้อมูลเบื้องต้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติอินเดีย (NSE) ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิในวันอังคารและพุธที่ผ่านมา (23-24 ก.ค.) รวมกันสูงถึง 8.106 หมื่นล้านรูปี (968 ล้านดอลลาร์) โดยก่อนหน้านี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ได้ซื้อสุทธิไปแล้วถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 6 วันทำการก่อนการแถลงงบประมาณในวันอังคาร

นับตั้งแต่ต้นปีนี้ นักลงทุนต่างชาติได้ลงทุนในอินเดียไปแล้วสุทธิ 5.1 พันล้านดอลลาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันอังคาร กระทรวงการคลังของอินเดียเปิดเผยรายงานงบประมาณประจำปี 2567-2568 โดยรัฐบาลประกาศขึ้นอัตราภาษีกำไรจากการขายหุ้นที่ถือครองน้อยกว่า 12 เดือน สู่ระดับ 20% จากเดิม 15% และหุ้นที่ถือครองนานกว่า 12 เดือน สู่ระดับ 12.5% จากเดิม 10%

นายอาชิช กุปตา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Axis Mutual Fund กล่าวว่า “การขึ้นภาษีกำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้ส่งผลลบต่อตลาดอย่างชัดเจน แม้ว่าการขึ้นภาษีกำไรระยะยาวจะไม่ได้สูงมากนักก็ตาม

นายกุปตากล่าวเสริมว่า การที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะขึ้นอัตราภาษีกำไรระยะยาวจาก 12.5% ในปัจจุบันอีกหรือไม่นั้น ยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับตลาดหุ้น

“ในระยะยาวเราไม่คิดว่าจะมีผลกระทบมากนัก เพราะแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง และบริษัทต่าง ๆ ก็ยังคงขยายตัวต่อไปได้”

ก่อนการประกาศงบประมาณซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก ดัชนี Nifty 50 และ Sensex ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของอินเดีย ปรับตัวขึ้นประมาณ 2% โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ในช่วงระหว่างวันที่ 11-18 ก.ค. แต่ลดช่วงบวกลง 1% เมื่อเกิดปัญหาระบบไซเบอร์ล่มทั่วโลกในวันที่ 19 ก.ค.

หลังประกาศงบประมาณ ดัชนีทั้งสองกลับร่วงลงราว 1% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มบริการทางการเงิน ธนาคาร และธนาคารลูกค้าบุคคลรายใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่นักลงทุนต่างชาติถือครองในสัดส่วนสูงนั้น ปรับตัวลดลงประมาณ 3%

ถึงกระนั้น นักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอินเดีย คิดเป็นมูลค่ารวม 550 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่มีการประกาศงบประมาณ

นอกจากนี้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษียังลุกลามไปยังตลาดเงิน ส่งผลให้ค่าเงินรูปีอินเดียอ่อนค่าลงทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งในวันประกาศงบประมาณและวันพุธที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง

ด้านนายที.วี. โสมนาถัน ปลัดกระทรวงการคลังอินเดีย เปิดเผยกับทางรอยเตอร์ว่า การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดตราสารอนุพันธ์ และสนับสนุนให้นักลงทุนหันมาลงทุนในระยะยาวมากขึ้น

“รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้นักลงทุนหันมาซื้อขายในตลาดหุ้นจริงแทนตลาดอนุพันธ์ และส่งเสริมการลงทุนระยะยาวแทนการเก็งกำไรระยะสั้น การปรับเปลี่ยนภาษีบางส่วนของเราก็เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้” นายโสมนาถันกล่าว

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (SEBI) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จำนวนเทรดเดอร์ที่ซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวในตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มขึ้นถึง 300% ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2566 โดย 7 ใน 10 ของเทรดเดอร์กลุ่มนี้ขาดทุน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top