YLG เก็งราคาทองไปต่อลุ้นเข้าเป้า 2,500 ดอลลาร์หลังเฟดจ่อลดดอกเบี้ย-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุน

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจนขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลอีกครั้งที่ 2,483 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จึงเกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้างทำให้ราคาพักฐานลงมาในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ราคาทองยังพยายามสร้างฐานที่โซน 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ดังนั้น เมื่อการสร้างฐานเสร็จสิ้น ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ ตามแนวโน้มทองคำในระยะยาวที่ยังคงแข็งแกร่ง โดย YLG ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ว่ายังสามารถขึ้นทดสอบได้ถึงระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ปัจจัยสนับสนุนให้ทองคำยังเป็นขาขึ้นในปีนี้ยังคงมีอยู่อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะปัจจัยการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจาก CME FedWatch Tool บ่งชี้คาดการณ์ตลาดว่า เฟดจะเริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาลง ในการประชุมเดือนก.ย. และมีโอกาสปรับลดได้อีกก่อนจะสิ้นสุดปี 67 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านระบุว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินนโยบายในอนาคต

อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องอัตราดอกเบี้ยเฟดแล้ว ยังมีปัจจัยสนับสนุนอีก 3 ปัจจัย คือ ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำของสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สนับสนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยล่าสุด นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีมีโอกาสขึ้นมาเป็นแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แทนนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และทำให้คะแนนนิยมขึ้นมาใกล้เคียงกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกัน ส่งผลให้การเลือกตั้งยังมีความไม่แน่นอนสูงมาก

ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังคงยืดเยื้อในหลายภูมิภาค และการเลือกตั้งสหรัฐที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมไปถึง ยุโรป ในประเด็นการขึ้นภาษีด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องคอยจับตาอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยให้มีแรงซื้อพยุงเมื่อราคาทองคำมีการพักตัวลง

รวมถึงในระยะยาว ธนาคารกลางทั่วโลกยังทยอยสำรองทองคำเพิ่มขึ้น ท่ามกลางกระแส De-Dollarization หรือการลดบทบาทสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าดีมานด์จากจีนในระยะสั้นจะเริ่มชะลอไปบ้าง จากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตได้ต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้รายงานว่าอินเดียเตรียมปรับลดอัตราภาษีนำเข้าทองคำจาก 15% เหลือ 6% ซึ่งเป็นการกระตุ้นดีมานด์เพิ่มเติม

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงนี้ YLG แนะนำเน้นเก็งกำไรจากการแกว่งตัวในระยะสั้น เนื่องจากมีหลายหลายปัจจัยโดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐที่สร้างความผันผวนให้กับราคาสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลก แนะนำรอเข้าซื้อเมื่อเสร็จสิ้นช่วงการพักฐานของราคาทองในระยะสั้น รอการย่อตัวลงทดสอบแนวรับ 2,383-2,368 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และเมื่อราคามีการแกว่งตัวขึ้นให้รอขายทำกำไรที่โซนแนวต้าน 2,422-2,440 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ของไทย มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 40,850-40,600 บาทต่อบาททองคำ และกรอบแนวต้านที่โซน 41,500-41,800 บาทต่อบาททองคำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top