SCGD ส่งสัญญาณ H2/67 สดใสรับรัฐเร่งเบิกจ่ายหนุนลงทุน-ตลาด ตปท.ฟื้น จ่อลงทุนตั้งรง.เวียดนามใต้

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะเติบโตจากครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากตลาดกระเบื้องและสุขภัณฑ์ในไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มสดใสขึ้นจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้ล่าสุดเริ่มมีงานโครงการเข้ามาบ้างแล้ว และคาดว่าจะหนุนกำลังซื้อที่แท้จริงในไตรมาส 4/67

ประกอบกับในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น และหนุนให้ต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น รวมถึงมีลุ้นโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่มาตรการตรึงค่าไฟ 4.18 บาท/หน่วยจนถึงสิ้นปี และคงเพดานราคาน้ำมันดีเซลที่ 33 บาท/ลิตรจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.67 จะหนุนให้กำลังซื้อภายในประเทศดีขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อจะไม่เร่งตัวขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ตามมาด้วย

ส่วนยอดขายในต่างประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยประเทศเวียดนามมีความคืบหน้าของกฎหมายที่ดินที่จะมีผลบังคับใช้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 1 ส.ค.67 และประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซียจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนต.ค.นี้ เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของตลาด ในส่วนของเศรษฐกิจประเทศฟิลิปปินส์ยังคงทรงตัว แต่ยังมีอัตราเงินเฟ้อสูง

ด้านความเสี่ยง บริษัทมองว่าตลาดในประเทศยังมีความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยคาดหวังภาครัฐเข้ามาเร่งแก้ไข และสถานการณ์ฝนตกหนักจากปรากฎการณ์ลานีญาที่อาจนำไปสู่น้ำท่วมในหลายพื้นที่ อาจกระทบกำลังซื้อเกษตรกร

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Synergy) การลงทุนในโครงการลดการใช้พลังงานเพื่อลดต้นทุน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านการลงทุนเพิ่มเติม

– โครงการปรับปรุงเทคโนโลยีและเครื่องจักรสำหรับผลิตสินค้าเกรซพอร์ซเลน (Glazed Porcelain) ที่โรงงาน Tien Phong ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 693 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตภายในไตรมาส 4/67 (มีความคืบหน้าโครงการไปแล้ว 70%)

– โครงการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดต้นทุนพลังงาน จำนวน 5.5 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 140 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ 4.0 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 1/68 และ 1.5 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 2/68 (มีความคืบหน้าของโครงการ 30%)

– โครงการลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีและเครื่องจักร สำหรับผลิตสินค้าเกรซพอร์ซเลน (Glazed Porcelain) ที่โรงงานหนองแค 2 (NK2) มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตภายในสิ้นปี 67 (มีความคืบหน้าโครงการ 30%)

– โครงการลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีและเครื่องจักรสำหรับผลิตสินค้าเกรซพอร์ซเลน (Glazed Porcelain) ที่โรงงาน Dai Loc ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 76 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตภายในไตรมาส 3/67 (มีความคืบหน้าโครงการ 90%)

– โครงการลงทุนเพิ่มเติม โครงการติดตั้งระบบ Hot Air Generator ที่โรงงานนิคมหนองแค (NKIE) มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 63.2 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/68

นอกจากนี้ บริษัทยังขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดร้านค้า คอตโต้ ไลฟ์ (COTTO LiFE) สาขา กรุงเทพฯ ดอนเมือง อย่างเป็นทางการในเดือน ส.ค.นี้ ถือเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร นำเสนอโซลูชั่นการตกแต่งบ้านและห้องน้ำอย่างหลากหลาย ทุกระดับ ครบครัน และกำลังจะเริ่มดำเนินกำรก่อสร้าง ร้านค้า คอตโต้ ไลฟ์ (COTTO LiFE) สาขาภูเก็ต ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จเดือนม.ค.68 ทำให้ บริษัทฯ มีร้านค้า Flagship ครอบคลุมครบทุกภาคของประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ Ly Heng Chhay Group Construction Store (LHCG) เปิดร้านค้า OK outlet แห่งแรกในประเทศกัมพูชาอีกด้วย ในประเทศฟิลิปปินส์มีการขยายร้าน CTM เพิ่มขึ้น 3 ร้าน ทำให้มีสาขาเพิ่มจาก 27 สาขาในปี 66 เป็น 31 สาขา และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้า เป็น 35 สาขาภายในปี 67

นายนำพล กล่าวว่า บริษัทคงงบลงทุนในปีนี้ไว้ราว 1,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกใช้ไปแล้วจำนวน 746 ล้านบาท ยังไม่รวมการเข้าซื้อกิจการในลักษณะ M&A และ M&P หากมีก็จะมีการใช้ที่มากกว่านี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างมองหาและเจรจาเพื่อลงทุนตั้งโรงงานในเวียดนามใต้ ทั้งในรูปแบบ Greenfield, M&A และ M&P

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top