นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยว่า บริษัทผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก 4 ราย ซึ่งรวมถึง เอเอสเอ็มแอล (ASML) ทำรายได้ในตลาดจีนเพิ่มขึ้น 2 เท่านับตั้งแต่ปลายปี 2565
รายงานของแบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า “จีนได้เร่งจัดซื้ออุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ นับตั้งแต่สหรัฐกำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่ทันสมัยในเดือนต.ค. 2565 โดยสหรัฐมีเป้าหมายที่จะพัฒนาขีดความสามารถด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ”
รายงานการวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา มุ่งเน้นไปที่รายได้ของบริษัทแลม รีเสิร์ช (Lam Research), ASML, เคแอลเอ (KLA) และแอพพลายด์ แมทีเรียลส์ (Applied Materials) โดยพบว่า รายได้ในจีนของบริษัทเหล่านี้เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า จากระดับ 17% ของรายได้รวมในไตรมาส 4 ปี 2565 มาอยู่ที่ระดับ 41% ในไตรมาส 1 ของปี 2567
“เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ผลิตชิป ถูกจับตามาที่สุดเมื่อเกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และความเสี่ยงเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้น หากความตึงเครียดยังบานปลายต่อไป” แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุในรายงาน
เมื่อเดือนต.ค. 2565 สหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกที่ครอบคลุมถึงการขายเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงและอุปกรณ์การผลิตที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ไปยังประเทศจีน และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้แจ้งให้บรรดาชาติพันธมิตรทราบว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการด้านการค้าที่เข้มงวดมากที่สุด หากบริษัทต่าง ๆ เช่น โตเกียว อิเล็กตรอน (Tokyo Electron) และ ASML ยังคงปล่อยให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง
แหล่งข่าวเปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า สหรัฐกำลังประเมินว่าจะบังคับใช้มาตรการห้ามบริษัทต่างชาติขายสินค้าที่ผลิตโดยเทคโนโลยีของสหรัฐ (Foreign Direct Product Rule – FDPR) หรือไม่ โดยมาตรการดังกล่าวจะทำให้สหรัฐสามารถควบคุมสินค้าของต่างชาติที่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐ แม้จะใช้ในปริมาณที่น้อยก็ตาม
แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐกำลังนำเสนอแนวคิดดังกล่าวนี้กับเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ โดยแจ้งว่าแนวคิดดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะถูกนำมาเป็นมาตรการบังคับใช้ หากประเทศเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดกับจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 67)
Tags: เซมิคอนดักเตอร์, เอเอสเอ็มแอล