ZoomIn: กลุ่มแบงก์ ครึ่งปีหลังยังปาดเหงื่อ NPL ส่อแววพุ่งต่อ

ผ่านพ้นไปแล้วกับการรายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 67 ของกลุ่มแบงก์ มีแบงก์ที่กำไรโตโดดเด่น และกำไรหดตัวตัวแรง แต่ที่เห็นชัดแน่นอน คือ แนวโน้มของ NPL ของหลายๆ แบงก์ทยอยเพิ่มขึ้น และบางแห่งก็ยังทรงตัวสูง โบรกฯส่องหุ้นกลุ่มแบงก์ครึ่งปีหลังยังเผชิญความท้าทาย โดยเฉพาะการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ หลังจากทิศทาง NPL ส่อแววสูงขึ้นอีก อาจกระทบให้การปล่อยสินเชื่อเข้มงวดขึ้น และ NIM เริ่มทรงตัวตามดอกเบี้ย ทำให้ขาดปัจจัยหนุน

นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า รายงานผลการดำเนินครึ่งปีแรกของกลุ่มแบงก์ออกมาแล้ว จะเห็นว่ากำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไร Mark to market ของการลงทุนช่วยหนุนผลการดำเนินงาน และรายได้จากดอกเบี้ยที่ยังเป็นบวกแต่ยังคงเห็นแนวโน้มของ NPL ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มองภาพของกลุ่มแบงก์ยังคงเผชิญความท้าทายในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น โดยเฉพาะ NPL ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเริ่มเห็นสัญญาณการกระจายตัวของ NPL ไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบ้าน รถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล และเอสเอ็มอี โดยลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่อาจจะต้องมีความระมัดระวังมาก
ขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้เป็นความท้าทายค่อนข้างมากของการปล่อยสินเชื่อของกลุ่มแบงก์ขณะเดียวกัน การที่จะเห็นส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งปีหลัง คงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่

คาดว่าจะทรงตัวจากครึ่งปีแรกมากกว่า และการที่ธนาคารต่างๆ จะไปรุกตลาดกลุ่มลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูง แลกกับความเสี่ยงที่สูงคงจะเห็นภาพดังกล่าวได้ยากเช่นกัน จากสัญญาณของ NPL ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารคงเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพมากกว่า ซึ่งส่งผลต่อรายได้จากดอกเบี้ยที่อาจไม่ได้เข้ามาเพิ่มมากนัก รวมถึงรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังคงชะลอตัว เป็นความท้าทายที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่แนะนำ “ซื้อ” เลือก KTB เนื่องจากยังเป็นธนาคารที่เห็นผลการดำเนินงาน

เติบโตในระดับที่ดีต่อเนื่อง และมี Valuation ค่อนข้างถูกในกลุ่ม โดย P/BV ที่ 0.5 เท่า แต่มี ROE สูงเกือบ 10% อีกทั้งจะได้รับประโยชน์จากสินเชื่อส่วนภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงการภาครัฐที่ทยอยออกมาในครึ่งปีหลัง ทำให้ยังมีโอกาสเห็นการขยายตัวของสินเชื่อได้ ให้ราคาเป้าหมาย 18.70 บาท/หุ้น นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.พาย กล่าวว่า ภาพรวมของกลุ่มแบงก์ในครึ่งปีแรกถือว่าออกมาใกล้เคียงกับที่คาดไว้ มาจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากการที่ดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับที่สูง และ NIM ที่ยังสูง รวมถึงรายได้จากการ Mark to market ของการลงทุนในต่างประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าส่วนหนึ่งจะมาจากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแลกเงินเป็นจำนวนมาก ทำให้มีผลต่อรายได้ในส่วนนี้ แต่ภาพของสินเชื่อยังคงชะลอตัว และ NPL ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นครึ่งปีหลังนี้ยังมองภาพความท้าทายของกลุ่มแบงก์ในการดำเนินกลยุทธ์ จากการที่สัญญาณ NPL ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ต้อง

มีการควบคุมและคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่งผลต่อรายได้จากการให้สินเชื่อที่อาจเริ่มชะลอตัว ตามการให้สินเชื่อที่ยังเห็นการชะลอตัวในครึ่งปีหลังเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ และการเห็นระดับ NIM ที่เริ่มทรงตัว ทำให้ปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างมีความท้าทายมากขึ้น แต่ยังมองว่ายังเป็นหุ้นที่ยังลงทุนได้จากการที่เป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่ง มูลค่าหุ้นยังไม่แพง และให้ปันผลที่ดี แนะนำ “ซื้อ” KTB มองเป็นหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐเข้ามาหนุนในครึ่งปีหลัง จากการลงทุน

โครงการต่างๆ ของภาครัฐที่จะออกมา รวมถึงได้รับประโยขน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐจะทยอยออกมา อีกทั้งการตั้งสำรองฯ ของ KTB ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะลดลงหลังจากครึ่งปีแรกคุมคุณภาพสินทรัพย์ไปมาก ทำให้ NPL ในครึ่งปีหลังของ KTB น่าจะเริ่มเห็นการทรงตัว ช่วยหนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง อีกทั้งยังมี Valuation ที่ไม่แพง มีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี และให้ราคาเป้าหมายที่ 20 บาท/หุ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top