นิรมาลา สิธารามาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย กล่าวในสุนทรพจน์เรื่องงบประมาณประจำปีในวันนี้ (23 ก.ค.) ว่า รัฐบาลอินเดียประกาศขึ้นอัตราภาษีสำหรับการขายหุ้นที่ถือครองน้อยกว่า 12 เดือน เป็น 20% จากเดิม 15% และหุ้นที่ถือครองนานกว่า 12 เดือน เป็น 12.5% จากเดิม 10%
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ประกาศขึ้นภาษีสำหรับธุรกรรมตราสารอนุพันธ์ โดยปรับขึ้นภาษีธุรกรรมหลักทรัพย์สำหรับฟิวเจอร์เป็น 0.02% จากเดิม 0.0125% และสำหรับออปชั่นเป็น 0.1% จากเดิม 0.0625%
ไตรทีป ภัตตาจารยะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนจากกองทุนรวมเอเดลไวส์ (Edelweiss Mutual Fund) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงเรื่องภาษีนี้ถือเป็นผลกระทบระยะสั้นในเชิงลบต่อตลาดหุ้น
“แม้การขึ้นภาษีครั้งนี้ไม่ได้มากมายนัก แต่จะช่วยให้การซื้อขายออปชั่นที่คึกคักเกินเหตุมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น และส่งเสริมพฤติกรรมการลงทุนที่ดีขึ้น การขึ้นภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์จะผลักดันให้นักลงทุนหันมาลงทุนในระยะยาวมากขึ้น” ภัตตาจารยะกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นของอินเดียพุ่งสูงขึ้นกว่า 200% จากจุดต่ำสุดในช่วงโควิด-19 เดือนมี.ค. 2563 เป็นต้นมา โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเทรดเดอร์รายย่อยแห่เข้าลงทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์
ข้อมูลบ่งชี้ว่า สัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยในปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์พุ่งสูงขึ้นเป็น 41% ในปีนี้ จากเพียง 2% ในปี 2561 มูลค่าการซื้อขายอนุพันธ์ต่อเดือนของอินเดียสูงถึง 9,504 ล้านล้านรูปี (113.6 ล้านล้านดอลลาร์) ในเดือนพ.ค. ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในโลก
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้หน่วยงานกำกับดูแลตลาดต้องออกมาเตือนถึงความเสี่ยงจากการซื้อขายฟิวเจอร์และออปชั่น
ด้านสุนิล กิดวานี หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษาด้านภาษีนังเกีย แอนเดอร์เซ่น (Nangia Andersen) กล่าวว่า การขึ้นภาษีฟิวเจอร์และออปชั่นสอดคล้องกับความกังวลของรัฐบาลที่แสดงออกในรายงานการสำรวจเศรษฐกิจ และความกังวลของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดเกี่ยวกับการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 67)
Tags: กระทรวงการคลัง, ภาษีขายหุ้น, ภาษีธุรกรรมอนุพันธ์, อินเดีย