นายมงคล สุระสัจจะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่ม 1 ได้รับเลือกจากที่ประชุมวุฒิสภา ให้เป็นประธานฯ คนใหม่ โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสูงสุด 159 คะแนน ขณะที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ได้ 19 คะแนน และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้ 13 คะแนน งดออกเสียง 4 และมีบัตรเสีย 5
โดยภายหลังผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อฯ ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย 1. นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ 2. น.ส.นันทนา นันทวโรภาส และ 3. นายมงคล สุระสัจจะ ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมตามลำดับหมายเลขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมฯ ได้ขานชื่อเรียกสมาชิกให้กาบัตรลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งแบบลับไปตามลำดับ คราวละ 10 คน จนครบจำนวนสมาชิกทั้ง 200 คน
ก่อนหน้านี้ นายมงคล ได้แสดงวิสัยทัศน์ก่อนลงคะแนนเลือกว่า ขอบคุณสมาชิกที่เสนอชื่อให้พิจารณาเลือกเป็นประธานวุฒิสภา นับตั้งแต่ตนบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ได้สำนึกว่าแผ่นดินนี้ให้โอกาสตนมากมาย จึงตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศชีวิต ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดินรับใช้ประชาชน รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นปณิธานที่แน่วแน่ยึดมั่นมาตลอดตั้งแต่รับราชการจนถึงปัจจุบัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะมารับเลือกเป็น สว. คือความหวังที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อรับใช้ประชาชน แก้ไขปัญหาคนในชาติ ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
นับตั้งแต่วันนี้ ตนจะตั้งใจทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตนหวังไว้ และเชื่อว่าทุกท่านก็มีความตั้งใจไม่ต่างไปจากตน การปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติในฐานะ สว.ที่ต้องการให้ประเทศไทย และคุณภาพชีวิตของคนไทยไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และดีขึ้นในทุกๆ มิติ ซึ่งการทำงานของวุฒิโดยมีประชาชนเป็นเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมาจะนำไปสู่สิ่งนั้นได้ ตนอยากเห็นสังคมไทย คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องไม่สร้างความแตกแยก เราจะเริ่มต้นจากความเป็นหนึ่งเดียวของวุฒิสภาแห่งนี้
วุฒิสภาเป็นองค์กรด้านนิติบัญญัติ เป็นองค์กรสำคัญที่จะพาสังคมไทยเดินหน้าไปได้ด้วยสันติวิธี รวมถึงมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศไทย และคนไทยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นภารกิจของเราทุกคน ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา วิกฤตที่เกิดขึ้นทั้งในทางการเมืองในทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่ประเทศอื่นก็เป็น เพราะฉะนั้นจะไปหวังให้ใครมาช่วยเราไม่ได้ เราคนไทยต้องช่วยกัน
นายมงคล กล่าวด้วยว่า ชีวิตตนมาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ เข้าใจความยากจนข้นแค้น ตนไม่มีเส้นมีสาย และได้เติบโตมาในระบบราชการด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการประสานงานกับพี่น้องประชาชนคลุกคลีกับพี่น้องประชาชนในชนบทมาตลอดชีวิต เมื่อเกษียณอายุราชการ ก็ยังไปทำไร่อยู่ในชนบท เพราะฉะนั้นทราบและเข้าใจดีถึงความรู้สึกของเพื่อนสมาชิก และเข้าใจปัญหาของประชาชน เพราะมีประสบการณ์อันยาวนาน และมีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เหล่า
“ผมเชื่อว่า ผมสามารถที่จะเข้าใจและทำงานร่วมกับทุกคนได้ วุฒิสภาในปัจจุบัน ใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ผมว่าเป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญปี 60 ปฏิรูปใหญ่ในเรื่องนี้ ให้สภาเป็นของคนทุกหมู่เหล่า แบ่งเป็น 20 อาชีพ ถือเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่แทนกลุ่มอาชีพของตัวเอง ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน
หากผมได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ กฎหมายต่างๆ ตลอดจนธรรมเนียมปฏิบัติ ทางด้านนิติบัญญัติอย่างเต็มสติปัญญา เต็มความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะรับใช้ และอำนวยความสะดวก ให้กับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกทุกท่าน
ผมพร้อมที่จะนำความรู้ และประสบการณ์ที่มีอยู่ ประสานงานกับทุกท่านให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เร็วที่สุด และขอเชิญทุกคนมาช่วยงานกัน และก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้ บรรลุผลความเป็นสภาของสามัญชนจากกลุ่มวิชาชีพดังๆ เป็นสภาฯ ที่ประนอมอำนาจ เพื่อดับวิกฤตของสังคมไทย” นายมงคล กล่าวในท้ายสุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 67)
Tags: ประธานวุฒิสภา, มงคล สุระสัจจะ