อนุฯกมธ. จ่อเรียก CPF แจงปมปลาหมอคางดำ 25 ก.ค.

คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย มีมติเชิญบมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มาชี้แจง 25 ก.ค. นี้ จ่อชงญัตติด่วนด้วยวาจา พร้อมตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่วมกัน ขอบริษัทเอกชนส่งตัวอย่างดินที่อ้างว่ามีการฝังกลบปลาเพื่อตรวจดีเอ็นเอ หากไม่ยอมพร้อมใช้กลไกทางกฎหมาย

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองคณะอนุฯ กมธ. กล่าวว่า คณะอนุฯ จะไปที่กรมประมงในวันที่ 23 ก.ค. นี้ เพื่อไปติดตามดูห้องเก็บซากปลา และติดตามกระบวนการนำเข้าสัตว์จากต่างชาติมีมาตรการรัดกุมแค่ไหน

ส่วนประเด็น ข้อถกเถียง ข้อเท็จจริงการส่งออกปลาสายพันธุ์นี้ปี 56-59 ซึ่งอธิบดีกรมประมง ชี้แจงว่ามีการส่งออกปลาจริงใน 17 ประเทศทั่วโลก 230,000 ตัว โดยบริษัทเอกชน 11 บริษัท สันนิษฐานได้ว่าปลาชนิดนี้ไม่มีอยู่ในราชอาณาจักรไทยมาก่อน เจอครั้งแรกปี 55 ที่กรมประมงได้รับก่อนที่จะแพร่ระบาดในคลองสาธารณะ และในช่วงนั้นไม่ได้ขึ้นทะเบียนปลาสายพันธุ์นี้เป็นปลาต้องห้าม

ทั้งนี้ กระบวนการวิจัยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะต้องส่งตัวอย่างซากปลา 50 ตัว โดยมีการเปิดรายงานของคณะกรรมการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพปี 53 ระบุเงื่อนไขการอนุญาต 4 ข้อ ซึ่งหากเอกชนรับอนุญาตนำเข้าต้องส่งตัวอย่างครีบปลาก่อนการวิจัย ที่ประชุมคณะอนุฯ จึงมีมติทำหนังสือถึงบริษัทเอกชน บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ให้เข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการในวันที่ 25 ก.ค. นี้ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการตามเงื่อนไขหรือไม่ หากทำไม่ครบเงื่อนไขหมายความนำเข้าไม่ครบองค์ประกอบ

พร้อมกับชี้แจงเหตุผลที่สอบข้อเท็จจริงว่าหากไม่มีกระบวนการที่รัดกุมในการนำเข้าปลา โดยเฉพาะปลาที่ทำลายต่อระบบนิเวศในอนาคตจะทำให้ไทยเจอเอเลี่ยนสปีชีส์อีกหลาย 100 สายพันธุ์ อีกส่วนหนึ่งจะได้รับทราบถึงดีเอ็นเอของปลาที่ระบาดตรงกับปลาที่นำเข้ามาของบริษัทเอกชนหรือไม่

ขณะเดียวกัน ข้อมูลเรื่องซากปลาระหว่างภาคเอกชน และภาครัฐยังสวนทางกัน ซึ่งบริษัทเอกชนได้ยืนยันว่าได้ส่ง ซากปลามาให้กรมประมงแล้ว ในขณะที่กรมประมงบอกไม่ได้รับ ดังนั้น หากภาคเอกชนส่งแล้วจะต้องมีเอกสาร หรือภาพถ่ายยืนยัน ซึ่งในวันที่ 25 ก.ค. นี้ จะพูดคุยรายละเอียดกับภาคเอกชน ถึงแนวทางการนำตัวอย่างดินที่อ้างอิงว่ามีการฝังกลบปลาเพื่อมาตรวจดีเอ็นเอปลา หากไม่อนุญาตก็จะใช้วิธีการทางกฎหมาย พร้อมกับตั้งข้อสังเกตเหตุใดโครงการดำเนินการระยะสั้นเพียง 10 วันและล้มเลิกไปเฉย ๆ

“สัปดาห์หน้าเราจะมีการพูดคุยกันในหลายภาคส่วน …ได้เรียนประธานวิปฝ่ายค้านว่า ต้องการนำเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาในสัปดาห์หน้าวันพฤหัสบดี เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อเชิญฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลมาร่วมทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงภาคเอกชน เพราะว่าเรื่องนี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกเป็นวาระแห่งชาติ” นายณัฐชา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top