หุ้นกลุ่มอาวุธปืน หุ้นคริปโทเคอร์เรนซี และหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สองนั้น พากันปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) หลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารทรัมป์ แต่นายทรัมป์รอดมาได้ ซึ่งยิ่งเพิ่มความคาดหมายว่าทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลังจากที่นายทรัมป์รอดชีวิตจากการถูกยิงเฉี่ยวหูมาได้ อัตราต่อรองของนายทรัมป์ในการชนะเลือกตั้งยิ่งพุ่งสูงเหนือประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งคนสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากที่นายทรัมป์ประกาศเลือกนายเจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ เป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ขณะเดียวกัน พรรครีพับลิกันได้ประกาศแต่งตั้งนายทรัมป์ให้เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ ในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันที่เมืองมิลวอกีเมื่อวานนี้
เว็บไซต์พนันการเมือง PredictIt เผยว่า นายทรัมป์เป็นตัวเต็งชนะศึกเลือกตั้ง โดยมีอัตราต่อรองอยู่ที่ 70 เซนต์ เพิ่มขึ้นจาก 60 เซนต์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (12 ก.ค.) หากทรัมป์ชนะ คนแทงจะมีโอกาสได้รับเงินรางวัล 1 ดอลลาร์ (จ่าย 70 เซนต์ ลุ้นรับ 1 ดอลลาร์) ขณะที่อัตราต่อรองของไบเดนอยู่ที่ 26 เซนต์เท่านั้น
ด้านหุ้นกลุ่มผู้ผลิตอาวุธปืนและกระสุนอย่าง Smith & Wesson Brands, Sturm Ruger & Company และ Ammo พุ่งขึ้น 5%-15% ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มักปรับตัวขึ้นแรงหลังเกิดเหตุกราดยิง ความไม่สงบทางสังคม และความกังวลเกี่ยวกับมาตรการควบคุมอาวุธปืน โดยคนมักแห่ซื้อปืนเพิ่มขึ้นเนื่องจากกลัวว่าอาวุธปืนจะถูกจำกัดการเข้าถึง
ส่วนหุ้นบริษัท Trump Media & Technology Group ที่ทรัมป์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social นั้น พุ่งขึ้น 31% ส่งผลให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 7.7 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าบริษัทจะมีรายได้เทียบเท่ากับร้าน Starbucks เพียงสองสาขาในสหรัฐก็ตาม
นอกจากนี้ ราคาหุ้น Trump Media ยังพุ่งขึ้นมาแล้ว 132% ในปี 2567 เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยคาดการณ์ว่าทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งสมัยที่สอง หลังจากที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วระหว่างปี 2560-2564
“ยังเหลือเวลาอีกเกือบ 4 เดือน (จนถึงวันเลือกตั้ง) และสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่วันนี้ตลาดกำลังเดิมพันว่าทรัมป์จะชนะ” นายเบน เลดเลอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนของ Bradesco BBI กล่าว พร้อมเสริมว่า Trump Media “เป็นหัวหอกและเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวมากที่สุดต่อชัยชนะของทรัมป์”
ด้านหุ้นกลุ่มคริปโทฯ พุ่งขึ้นในวันจันทร์เช่นกัน สอดคล้องกับราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น 10% สู่จุดสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลจากการที่ทรัมป์แสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนคริปโทฯ โดยหุ้นของบริษัทกระดานเทรดคริปโทฯ Coinbase Global รวมถึงบริษัทขุดบิตคอยน์อย่าง Riot Platforms และ Marathon Digital ต่างพากันพุ่งขึ้น 11%-18%
ขณะเดียวกัน บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ปิดตลาดบวก 1.8% หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีซีอีโอ ออกมาประกาศตัวหนุนทรัมป์หลังเหตุการณ์ลอบยิง อย่างไรก็ตาม หุ้น Tesla ลดช่วงบวกจากที่เคยพุ่งสูงถึง 7% หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเลือกแวนซ์เป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
เมื่อปีที่แล้ว แวนซ์ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกการสนับสนุนทางภาษีสำหรับรถ EV และแทนที่ด้วยเครดิตภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลที่ผลิตในสหรัฐ ทว่าร่างกฎหมายดังกล่าวขัดแย้งกับกลยุทธ์ยานยนต์สะอาดของทำเนียบขาว และแทบจะไม่มีโอกาสผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในปัจจุบัน
ในอีกด้านหนึ่ง หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดร่วงลง เนื่องจากทรัมป์ประกาศว่าหากชนะการเลือกตั้ง เขาจะยกเลิกนโยบายด้านสภาพอากาศของรัฐบาลไบเดนหลายข้อด้วยกัน รวมถึงมาตรการจูงใจทางภาษี โดยกองทุน Invesco Solar ETF ร่วงลง 5.9% และกองทุน iShares Global Clean Energy ETF ร่วงลง 3.9%
ส่วนกองทุน iShares MSCI China ETF ลดลงประมาณ 2% เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าการกลับมาของทรัมป์อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ
ด้านหุ้นกลุ่มผู้ให้บริการเรือนจำภาคเอกชนอย่าง Geo Group และ CoreCivic พุ่งขึ้นประมาณ 8% โดยทั้งคู่เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาของทรัมป์ เนื่องจากทรัมป์ให้สัญญาว่าจะปราบปรามการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มดีมานด์ศูนย์กักกัน
นอกจากนี้ Rumble แพลตฟอร์มแชร์วิดีโอที่ได้รับความนิยมในหมู่ฝ่ายขวา พุ่งสูงขึ้น 21%
ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่านโยบายของทรัมป์จะทำให้หนี้รัฐบาลพุ่งสูงขึ้นและกระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ในขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.3%
“นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อหุ้นสหรัฐ เพราะตลาดหุ้นโดยรวมเติบโตขึ้นทั้งในสมัยของทรัมป์และไบเดน” ริค เมคเลอร์ หุ้นส่วนของ Cherry Lane Investments กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 67)
Tags: คริปโทเคอร์เรนซี, ตลาดหุ้น, ประธานาธิบดีสหรัฐ, หุ้นกลุ่มอาวุธปืน, โดนัลด์ ทรัมป์