หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งในกรอบเก็งงบแบงก์หนุนดัชนี จับตาการเมืองสหรัฐ

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวอยู่ไนกรอบ โดยสัปดาห์นี้จะมีการทยอยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา

โดยอาจจะมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่งดังกล่าวเข้ามาช่วยหนุนดัชนีได้ ในขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ รวมถึงปัจจัยจากต่างประเทศที่รับข่าวปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเงินเฟ้อสหรัฐไปแล้ว

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยที่ยังต้องติดตามการเมืองสหรัฐ หลังจากที่การหาเสียงล่าสุดมีการลอบยิงนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทำให้ผลโพลของทรัมป์พุ่งขึ้น ประกอบกับในสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน

โดยให้แนวต้าน 1,340 จุด แนวรับ 1,325 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 ก.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,000.90 จุด เพิ่มขึ้น 247.15 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,615.35 จุด เพิ่มขึ้น 30.81 จุด หรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,398.44 จุด เพิ่มขึ้น 115.04 จุด หรือ +0.63%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 18,201.48 จุด ลดลง 91.90 จุด หรือ -0.50% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,963.85 จุด ลดลง 7.45 จุด หรือ -0.25% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันแห่งทะเล

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ก.ค.) 1,332.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.67 จุด (+0.20%) มูลค่าซื้อขาย 37,680.72 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 113.47 ล้านบาท (12 ก.ค.)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (12 ก.ค.) ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 82.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ก.ค.) อยู่ที่ 4.10 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.19 ทรงตัวรอปัจจัยใหม่ จับตาการเมืองในปท.-ราคาทอง-ผลประชุม ECB

– “อมรเทพ” ห่วงกำลังซื้อระดับล่างลามฉุด “ธุรกิจกลาง-บน” กระทบสภาพคล่องหด หนี้เสียเพิ่ม ชี้หาก “หนี้เสีย” ลามสู่ “ธุรกิจขนาดใหญ่” ผนวกนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น “ตลาดทุน” กระทบ “หุ้นกู้” โอกาสอาจเป็น “โดมิโน” ลามสู่ภาคการเงิน “ศุภวุฒิ” รับห่วง “นโยบายการเงินตึงตัว” เพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยครึ่งหลัง-ปีหน้า ชี้เริ่มกระทบ “เอสเอ็มอี-รายย่อย” ลามสู่ “ธุรกิจใหญ่” ขณะที่ “ค้าปลีกค้าส่ง ท่องเที่ยว โฆษณา” รับพิษเศรษฐกิจฉุดกำลังซื้อซบ

– บิ๊กคอร์ป” รับมือเศรษฐกิจทรุด “บางจาก” มองงบลงทุนภาครัฐปัจจัยหลักฟื้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ชี้ภาคธุรกิจช่วงนี้ต้องบาลานซ์ลงทุน ระยะสั้น-ยาว “สหวิริยา” หวังเศรษฐกิจไทยไม่ถึงขั้นวิกฤติต้มยำกุ้ง พร้อมระวังบริหารความเสี่ยงธุรกิจ ด้าน “ธุรกิจการค้า ท่องเที่ยว อสังหา” ผู้ประกอบการฮึดสู้! โฟกัสจุดแข็งอัดแคมเปญ จัดอีเวนต์ ปลุกบรรยากาศตรึงกำลังซื้อ ยังมีความหวังไตรมาสสุดท้ายสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น

– กองทุนประกันวินาศภัยแบกหนี้ทะลัก 8 หมื่นล้าน หลังคลังเซ็นปิดตำนาน 73 ปี “สินมั่นคงประกันภัย” สังเวยพิษกรมธรรม์โควิด “เจอจ่ายจบ” เตรียมเปิดให้เจ้าหนี้ 5 แสนรายยื่นเรื่องขอรับชำระหนี้ภายใน 60 วัน ขณะที่ผู้จัดการกองทุนฯ ยอมรับถังแตกเหลือเงินกองทุนแค่ 3-4 ล้านบาท แต่มีหนี้รอจ่ายกว่า 8 หมื่นล้าน หมดหนทางหาเงิน-ดิ้นหาวิธีแฮร์คัตหนี้ เผยรัฐบาลไม่ค้ำประกัน-แบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้ รอรับแค่เงินสมทบบริษัทประกันปีละ 1,200-1,300 ล้านบาท ประเมินต้องใช้เวลา 60-70 ปีใช้คืนหนี้ผู้เอาประกัน ขณะที่ 10 บริษัทประกันเด้งรับพร้อมประมูลรับโอนพอร์ตลูกค้าสินมั่นคง

– 3 สมาคมอสังหาฯ ร่วมกับ กทม.เปิดเวทีส่องทิศทาง EIA กทม. 2024 หวังปลดแอกการลงทุน คอนโดฯ ปีละ 2.5-3 แสนล้าน ข้อเสนอท่วมทั้งลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ จัดทำคู่มือปฏิบัติ หรือ Code of Conduct เป็นมาตรฐานเดียว ร่นเวลาพิจารณาจาก 5 ปีเหลือปีเดียว “ต่อศักดิ์” ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯชัชชาติขานรับ ทำทันที แจง กทม.เตรียมผลักดันคู่มือ EIA ใช้จริงในปี 2568 นี้

– กกพ.เปิดรับฟังความเห็น 3 ทางเลือกก่อนปรับค่าไฟงวดสุดท้าย ก.ย.-ธ.ค.67 ที่ระดับ 4.65-6.01 บาท ยันพร้อมดูแลค่าครองชีพประชาชนควบคู่ความมั่นคงระบบไฟฟ้า หลังพบต้นทุนค่าไฟ บาทอ่อน-ราคา LNG สูงขึ้นดันราคาก๊าซพุ่ง ต้องการจ่ายคืนภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง (คงค้าง) กฟผ. แง้มหากต้องการตรึงค่าไฟงวดสุดท้าย 4.18 บาท รัฐบาลต้องหาเงินมาอุดหนุนอีก 28,000 ล้านบาท

– บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เสนอภาครัฐเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และกองทุนกอช. ให้มากขึ้น หรือเกินกว่า 10% เผยเฉพาะ PVD ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนที่มีอยู่ 1.44 ล้านล้านบาท ย้ำหากเพิ่มวงเงินลงทุน บวกกับมีเงิน Thai ESG และวายุภักษ์เข้ามา จะหนุนเงินเข้าตลาดหุ้นมหาศาล และรับมือกับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติได้

*หุ้นเด่นวันนี้

– BEM (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 10.33 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 ที่ยังเติบโต YoY แข็งแกร่งประกอบกับการขึ้นค่าโดยสารสนับสนุนการเติบโตของรายได้และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ -มีนบุรี (สุวินทวงศ์) จะถูกพิจารณาในวันที่ 16 ก.ค. 2567ในการประชุม ครม. และพร้อมลงนาม

– CPAXT (ไอร่า) “ย่อซื้อสะสม” ราคาเป้าหมาย 32.00/35.00 บาท คาดผลประกอบการไตรมาส 2/67 จะออกมาอยู่ที่ 2,071 ล้านบาท แม้ 16.5%QoQ จากปัจจัยฤดูกาลแต่ +21.8%YoY ตาม SSSG ที่เติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งเรามองว่าหากงบไตรมาส 2/67 ออกมาตามที่คาด ทำให้คาดว่าผลประกอบการ 2H’67 จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นตามช่วงไตรมาส 4 ที่เป็น High Season

– TU (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท ประเมินกำไรปกติไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 1,360 ลบ. (+6.38%YoY, +52.48%QoQ) มีแรงหนุนจากบาทอ่อน กลุ่มธุรกิจ Ambient Seafood และ ธุรกิจ Petcare หลัง Inventory คู่ค้ากลับสู่ปกติเมื่อเทียบ YoY ขณะที่ในส่วนของ GPM คาด +YoY +QoQ จาก Product mix(สัดส่วน Petcare สูง) และ ราคาปลาทูน่าแกว่งขึ้นจากโซนล่าง 1,300 usd/ton ขึ้นมาเดือนมิ.ย.67 ที่ 1,580 usd/ton(โดยเฉพาะ Ambient Seafood/ ต้นทุนถูก/มีเหตุผลในการการปรับขึ้นราคาขาย) ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิ TU จะอยู่ที่ 5,886 ลบ.(จากขาดทุนปี66) และ 6,599 ลบ.(+12.12%YoY) ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top