ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 88,207 ล้านบาท

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 88,207 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 14,824 ล้านบาท

2. กลุ่มบริษัทประกัน ขายสุทธิ 521 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 3,136 ล้านบาท  Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.39%   ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.04%

ภาพรวมของตลาดในวันนี้

Yield Curve ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้าประมาณ 1-4 bps. ด้านผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลในวันนี้รุ่น LB29NA อายุ 5 ปี วงเงิน 35,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนของผลประมูลอยู่ที่ 2.4154% เท่ากับ Yield ตลาดของวันก่อนหน้า โดยมีผู้สนใจยื่นประมูล 3.13 เท่าของวงเงินประมูล สำหรับกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวันนี้ NET INFLOW 3,136 ล้านบาท โดยเกิดจาก NET BUY 3,136 ล้านบาท และไม่มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) ด้านปัจจัยต่างประเทศ นายเจอโรม พาวเวล กล่าวในแถลงการณ์นโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่าการที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกินไปและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้มีความคืบหน้าในการปรับลดเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงในตลาดแรงงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ตลาดติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้

สรุปภาวะการซื้อขายตราสารหนี้

ตลาดตราสารหนี้ไทย10-07-2024Change%Change
 มูลค่าการซื้อขาย88,207.20 ลบ.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 3 เดือน2.34 %เพิ่มขึ้น0.01 %
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี2.37 %0.00 %
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี2.39 %ลดลง0.04 %

มูลค่าการซื้อขายแบบ Outright (แยกตามประเภทตราสาร)

ประเภทตราสารล้านบาทChange%Change
ตั๋วเงินคลัง13,459.56เพิ่มขึ้น2256 %
พันธบัตรรัฐบาล36,826.64เพิ่มขึ้น73 %
ตั๋วสัญญาใช้เงินรัฐบาล0.00n/a
พันธบัตร ธปท.27,372.07ลดลง65 %
พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ200.13เพิ่มขึ้น25 %
หุ้นกู้เอกชน4,668.85ลดลง15 %
พันธบัตรต่างประเทศ0.00n/a

หมายเหตุ:   n/a คือ หาค่าไม่ได้ เนื่องจากไม่มีมูลค่าการซื้อขายในวันก่อนหน้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top