สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีโรงพยาบาลเด็กแห่งหลักในกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) และได้ยิงขีปนาวุธใส่เมืองอื่น ๆ ทั่วยูเครน โดยคร่าชีวิตพลเรือนอย่างน้อย 41 ราย ถือเป็นการโจมตีทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายเดือน
รายงานข่าวระบุว่า การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีบรรดาพ่อแม่อุ้มเด็กทารกเดินไปตามถนนด้านนอกโรงพยาบาล โดยอยู่ในสภาพงุนงงและร้องไห้ สภาพอาคารโรงพยาบาลมีหน้าต่างแตก แผงต่าง ๆ หลุดกระจาย ซึ่งขณะนี้ชาวเมืองในกรุงเคียฟหลายร้อยคนกำลังช่วยกันจัดการกับซากปรักหักพัง
นางสวิตลานา คราฟเชนโก วัย 33 ปี ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “มันน่ากลัวมาก ฉันหายใจไม่ออก ฉันพยายามปกป้องลูกน้อยของฉัน ฉันพยายามคลุมเขาด้วยผ้าผืนนี้เพื่อให้เขาหายใจได้”
ด้านนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ซึ่งได้แวะพักที่โปแลนด์ก่อนมุ่งหน้าไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 37 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็ก 3 คน รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 170 คน แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากจุดโจมตีในภูมิภาคต่าง ๆ รวมแล้วอย่างน้อย 41 ราย
นายเซเลนสกีระบุบนแอปเทเลแกรมว่า มีอาคารมากกว่า 100 หลังได้รับความเสียหาย รวมถึงโรงพยาบาลเด็กแห่งนี้และศูนย์คลอดบุตรแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟ, สถานรับเลี้ยงเด็ก, ศูนย์ธุรกิจ และบ้านเรือน โดยกล่าวว่า รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีเหล่านี้ และการแสดงความห่วงใยรวมถึงการแสดงความเสียใจนั้น ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งความรุนแรงได้
ทั้งนี้ รัฐบาลยูเครนได้ประกาศไว้ทุกข์ในวันนี้ (9 ก.ค.) สำหรับการโจมตีดังกล่าว ที่ถือว่าเป็นการโจมตีทางอากาศที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายูเครนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรชาติตะวันตกในการอัปเกรดการป้องกันทางอากาศอย่างเร่งด่วน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 67)
Tags: ยูเครน, รัสเซีย, โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี