ธนาคารกลางอิสราเอลคาดการณ์ว่า ผลกระทบโดยตรงทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์นั้น จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2568
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การคาดการณ์ครั้งล่าสุดของธนาคารกลางอิสราเอลซึ่งมีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (8 ก.ค.) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีแนวโน้มขยายตัว 1.5% ในปี 2567 และ 4.2% ในปี 2568 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ว่าตัวเลข GDP ปี 2567 และ 2568 จะขยายตัว 2% และ 5% ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอิสราเอลคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 2567 จะอยู่ที่ 3% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.7% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2568 จะอยู่ที่ 2.8% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.3%
นอกจากนี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของอิสราเอลในไตรมาส 2 ปี 2568 จะอยู่ที่ 4.25% ลดลงเล็กน้อยจากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 4.5% โดยในการประชุมเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางอิสราเอลมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.5% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4
ธนาคารกลางอิสราเอลระบุว่า การคาดการณ์ครั้งล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและมีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อเทียบกับที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย. โดยในเวลานั้นธนาคารกลางประเมินว่าการสู้รบจะจบลงภายในสิ้นปี 2567
“การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงในระดับรุนแรงมากกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เช่น สงครามอาจจะยืดเยื้อยาวนานต่อไปอีกและจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในวันข้างหน้ามีความตึงเครียดมากขึ้นด้วย” ธนาคารกลางอิสราเอลระบุในรายงาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 67)
Tags: กลุ่มฮามาส, กลุ่มฮิซบอลเลาะห์, ธนาคารกลางอิสราเอล, สงคราม, อิสราเอล, แบงก์ชาติ