นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิต ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยภาษีสรรพสามิต โดยมีนโยบายในการส่งเสริมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน ควบคู่กับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพสุราชุมชนให้มีมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน อีกทั้งให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ การออกกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ที่ปลดล็อคกฎหมายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการของรัฐบาลในการได้ปรับลดอัตราภาษีสุราแช่พื้นเมือง ประเภท อุ กระแช่ สาโท โดยปรับอัตราภาษีตามมูลค่าจากเดิม 10% เหลือ 0% เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ได้ส่งผลให้สุราชุมชนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับกรมสรรพสามิต ต่างเติบโตและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจังหวัดแพร่ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างพื้นที่ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2557-2566) พื้นที่แพร่จัดเก็บภาษีสุราชุมชนเฉลี่ย 443 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นกว่า 30% ของการจัดเก็บภาษีสุราชุมชนทั่วประเทศ จนทำให้มีการเรียกจังหวัดแพร่ ว่าเป็น “มหานครแห่งสุราพื้นบ้าน” สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนภายในชุมชนเป็นจำนวนมาก ทั้งยังสร้างงาน สร้างรายได้ ให้พี่น้องในชุมชนตลอดห่วงโซ่การผลิต
“ผู้สูงอายุสามารถทำงานล้างขวดที่บ้าน ส่วนลูกหลานที่เรียนจบกลับมา จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ได้นำวิชาความรู้กลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งเป็นทั้งการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านให้คงอยู่สืบไป” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว
พร้อมระบุว่า ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ และกรมสรรพสามิต ส่งเสริมให้สุราชุมชนจังหวัดแพร่ เติบโตขึ้นมากอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในตัวอย่างวิสาหกิจชุมชนที่เติบโตอย่างมากคือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสุราสักทองแพร่ ต. สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ โดยปัจจุบันมีกลุ่มผลิตสุรานับร้อยกลุ่ม มีผลิตภัณฑ์สุราชุมชนหลากหลาย ซึ่งใช้วัตถุดิบข้าวเหนียวจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และน้ำจาก “หล่มด้ง” อุทยานแห่งชาติแม่ยม ซึ่งแอ่งน้ำแห่งนี้รายล้อมด้วยความเขียวขจีของพันธ์ไม้ต่างๆ ทำให้อุณหภูมิของน้ำที่นี่ มีผลทำให้สุรามีรสชาติดี
- ปั้น “1 ชุมชน 1 สรรพสามิตแชมเปี้ยน” ร่วมเคลื่อน ศก.ชุมชน
นายเอกนิติ กล่าวด้วยว่า กรมสรรพสามิต อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ “1 ชุมชน 1 สรรพสามิตแชมเปี้ยน” เพื่อประกวดความร่วมมือของสรรพสามิตพื้นที่ และผู้ประกอบการ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยภาษีสรรพสามิต ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างมาตรฐานสากล (สินค้าและกระบวนการผลิตสุราชุมชน) มุ่งเน้น สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เดินหน้าชุมชนสู่ความยั่งยืน โดยสรรพสามิตจะมีการผนึกกำลังกับภาคีเครือข่าย สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและผู้ประกอบการ ในด้านการเข้าถึงแหล่งทุน แหล่งความรู้ด้านการตลาด พลังงาน สิ่งแวดล้อม คุณภาพสินค้า และการผลิต รวมถึงส่งเสริมและให้ความสำคัญในด้าน ESG เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และลดการใช้คาร์บอน เดินหน้าประเทศสู่ Net Zero
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า นอกจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนที่กรมสรรพสามิตให้ความสำคัญแล้ว กรมฯ ยังให้ความสำคัญกับการเข้าสู่ระบบของผู้ประกอบการ เพราะสินค้าปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค และที่สำคัญการให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม และสังคม ในการลดการปล่อยคาร์บอน การใช้พลังงานทดแทน หรือการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่กรมฯ ให้ความสำคัญ
สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดแพร่ ได้ร่วมกับผู้ประกอบการทำบ่อหมักก๊าซชีวภาพ ที่เกิดจากการเก็บกักอุจจาระหมู โดยก๊าซชีวภาพนี้ จะมีการเพื่อใช้เป็นพลังงานในครัวเรือน พลังงานทดแทนในการผลิตสุรา รวมถึงพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ตำบลสะเอียบ ที่ประสบกับปัญหากระแสไฟฟ้าตกบ่อย
“การดำเนินการนี้ นอกจากจะช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิต ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน” นายเอกนิติ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 67)
Tags: กรมสรรพสามิต, สุราพื้นบ้าน, เศรษฐกิจชุมชน, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ, แพร่โมเดล