นักวิเคราะห์ ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีปรับตัวขึ้น หลังเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่มีการ Cover Short มากขึ้น สะท้อนจากยอด Outstanding Shortsell ลดลง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศได้แรงหนุนจากบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลง หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐแย่กว่าคาด นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ หนุนบรรยากาศการลงทุนโดยรวม โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุดและแนวต้าน 1,310-1,315 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีมีโอกาสขยับขึ้น โดยเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากนักลงทุนต่างชาติ ที่น่าจะมีการ Cover Short ซึ่งเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ รวมทั้งมีปริมาณการซื้อขาย SET50 Future มากกว่า 40,000 สัญญา ขณะที่ยอด Outstanding Shortsell ลดลง มีแนวโน้มที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นนักลงทุนต่างชาติกลับมา Cover Short มากขึ้น
สำหรับปัจจัยต่างประเทศคาดว่าจะได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ที่ปรับตัวลง หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐ แย่กว่าที่ตลาดคาด ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการลงทุนโดยรวม ประกอบกับเงินบาทเช้านี้มีทิศทางเริ่มกลับมาแข็งค่าน่าจะเป็นผลดีสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนในวันนี้
โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุดและแนวต้าน 1,310 – 1,315 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,308.00 จุด ลดลง 23.85 จุด หรือ -0.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,537.02 จุด เพิ่มขึ้น 28.01 จุด หรือ +0.51% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,188.30 จุด เพิ่มขึ้น 159.54 จุด หรือ +0.88%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 40,747.59 จุด เพิ่มขึ้น 166.83 จุด หรือ +0.41%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 2,984.83 จุด เพิ่มขึ้น 2.45 จุด หรือ +0.08% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,079.72 จุด เพิ่มขึ้น 101.15 จุด หรือ +0.56%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ก.ค.) 1,294.70 จุด เพิ่มขึ้น 6.12 จุด (+0.47%) มูลค่าการซื้อขายราว 27,632.08 ล้านบาท¶
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,334.88 ล้านบาท (3 ก.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (3 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 83.88 ดอลลาร์/บาร์เรล¶
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ก.ค.) อยู่ที่ 4.21 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.66 กลับมาแข็งค่า รับดอลลาร์อ่อนคาดเฟดลดดอกเบี้ยหลังเศรษฐกิจชะลอ
- นายกฯ ต้อนรับ “DP World” นักธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้านโลจิสติกส์ เร่งหารือโอกาสลงทุนในไทย ชูจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์เชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทร มั่นใจเป็นสัญญาณบวกผลักดันเมกะโปรเจกต์ “แลนด์บริดจ์” คาดผ่านการพิจารณาของสภาฯ ช่วง เม.ย.2568
- กกร.หวั่นดีมานด์ในประเทศทรุด ‘ยานยนต์-อสังหาฯ’ ตัวฉุดเศรษฐกิจ หลังยอดผลิตรถ 5 เดือนแรกติดลบ 24% ยอดโอนบ้าน 4 เดือนแรกติดลบ 11% ซ้ำด้วย ปัจจัยภายนอก การค้าโลกชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งสัญญาณอันตรายเศรษฐกิจไทย ยันนโยบายขึ้นค่าแรง 400 บาท สร้างหายนะเอสเอ็มอี สทท.ส่งสัญญาณคนไทยเที่ยวในประเทศ ลดลง ‘คลัง’ อัดมาตรการภาษี-สินเชื่อ กระตุ้นจีดีพีปี 67 โตให้ได้ 3%
- “คลัง” การันตีปีนี้เศรษฐกิจไทยโตได้แน่ 3% ฟุ้งเตรียมเข็นมาตรการกระทุ้งเพิ่มเติม จ่อชง ครม.เคาะออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1 แสนล้านบาท ด้าน “เวิลด์แบงก์” มองเศรษฐกิจไทยฟื้นช้า แนะ “ธปท.” คงดอกเบี้ยต่อคุมเงินเฟ้อจากดิจิทัลวอลเล็ต “กกร.” ห่วงปัญหาขนส่งทางเรือ-ค่าแรง 400 กระทบ วอนรัฐเร่งหามาตรการช่วย
- “ตลท.” จับมือ 4 พันธมิตร ผลิตบทวิเคราะห์เชิงอุตสาหกรรม 70 ฉบับ แยกรายธุรกิจ หวังดึงเม็ดเงินลงทุน มองบริษัทประเภทเศรษฐกิจกระแสใหม่ และประเภทที่มีอุตสาหกรรมใหม่ มีความน่าสนใจ ชี้มาตรการฟื้นความเชื่อมั่น อัปติ๊กได้ผล ส่วนเฮชเอฟทีรอประเมินผลในอีก 2 สัปดาห์ ด้าน “ทริสเรทติ้ง” เผยสถานการณ์การลดระดับเครดิตเรตติ้ง บริษัทไทยมีแววดีขึ้น เว้นกลุ่ม ‘อสังหา-เช่าซื้อ’
*หุ้นเด่นวันนี้
- CKP (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 5.0 บาท 1) มุมมองด้านเทคนิค ประเมินราคาฟื้นตัวต่อเนื่อง ลุ้นผ่านแนวต้านทำจุดสูงใหม่ แนวรับ 3.90 บาท / แนวต้าน 4.0 – 4.12 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินแนวต้านถัดไป +/- 4.3 บาท (Stop loss 3.8 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลดำเนินงานจะเริ่มฟื้นในไตรมาส 2 และเด่นในไตรมาส 3 เริ่มเข้าสู่ High season ฤดูฝน และ La Nina จะส่งผลบวกต่อปริมาณน้ำในเขื่อนสำหรับการผลิตไฟฟ้า 3) Valuation ไม่แพง Forward PBV (อิงประมาณการฯปีนี้) ต่ำเพียง 0.8 เท่า คิดเป็นราว -1.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- GFPT (คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 15.00 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 +QoQ +YoY ปัจจัยบวกหลักคือเนื้อไก่แปรรูปส่งออก Volume ขาย +20.3%YoY(+กลุ่มลูกค้า UK/EU) ขณะที่ฝั่ง Equity Income +115%YoY จากการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกของทั้ง GFN และ McKey ไตรมาส 2/67 คาดเกณฑ์ดี มูลค่าการส่งออกไทย เม.ย.-พ.ค.67 ไก่สด+2%YoY(คิดเป็น 63%เทียบ 1Q67) ไก่แปรรูป+21%YoY(คิดเป็น 72%เทียบ 1Q67) ส่วนราคาขายไก่ไทยยังมีแนวโน้มดี ตลาดคาดปี 67 และ68 กำไรสุทธิ 1,625 ลบ.(+18.1%YoY) และ 1,732 ลบ.(+6.6%YoY) ตามลำดับ
- GPSC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 57.00 บาท เชื่อมีศักยภาพฟื้นตัวของกำไรมากสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดโต 61%/53% ในปี 67/68 จากราคาก๊าซลดลง นอกจากนี้ ยังได้รับประโยชน์กำลังการผลิตใหม่โครงการ CFXD และการดำเนินงานปกติโครงการ XPCL (ไซยะบุรี) ด้านกำไรไตรมาส 2/67 คาดแข็งแกร่งมากเนื่องจากส่วนแบ่งก๊าซ LNG มาตรการ Single Pool Price ช่วยลดต้นทุนก๊าซลงอีก ด้านความเสี่ยงปรับลดค่า Ft จำกัด ราคาหุ้นอยู่บน PER67E ที่ 20 เท่า เป็นส่วนลด -1SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย P/E ในปี 60-64 ระยะสั้นแรงหนุนจาก U.S. Bond Yield ปรับลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย