CONSENSUS: TTB กำไรโตดีรับประโยชน์ภาษีควบรวม เน้นคุณภาพสินเชื่อ-คุมเข้ม NPL-อัพไซด์สูง

ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) โบรกยกเป็น Top Pick กลุ่มแบงก์ แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องทั้งปี รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการควบรวมกิจการช่วยหนุน แม้สินเชื่อชะลอตัวจากกลยุทธ์ของ TTB ที่เน้นปล่อยสินเชื่อคุณภาพด้วยการเพิ่มความเข้มงวด และคุม NPL ทรงตัว ไม่ให้กระทบสำรองมากดดันกำไร อีกทั้งราคาหุ้น TTB ปรับลงมาจากที่เคยขึ้นไปสูงสุด YTD ที่ 1.89 บาทเมื่อเดือน ก.พ.67 เปิดอัพไซด์ ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7%

ราคาหุ้น TTB ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 1.71 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวานนี้

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.พาย มองว่า TTB โดดเด่นในหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้สินเชื่อจะไม่ขยายตัว เนื่องจากกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเอสเอ็มอีชะลอตัว แต่กำไรยังสามารถเติบโตได้ จากผลประโยชน์ทางภาษีจากการควบรวมที่ยังมีอยู่ ช่รยสนับสนุนผลงานของ TTB ในช่วงที่รายได้จากการดำเนินงานลดลง ทำให้ยังคงประมาณการกำไร TTB ในปี 67 เติบโตได้ 14%

ขณะที่กลยุทธ์ของ TTB หันมาควบคุมคุณภาพของสินเชื่อมากขึ้น ผ่านการขยายสินเชื่อในกลุ่มของลูกค้าคุณภาพสูง ช่วยควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และไม่ทำให้ต้องตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า NPL ของ TTB จะทรงตัวอยู่ที่ 2.6% และอัตราส่วนการตั้งสำรองฯจะอยู่ที่ระดับ 156.5% อีกทั้งราคาหุ้นของ TTB ปรับตัวลดลง ทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงขึ้นมาเป็น 7.3% อยู่ในระดับค่อนข้างสูง และมีความน่าสนใจ ยังคงแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.98 บาท/หุ้น

นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มอง TTB ยังเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มแบงก์ แม้ว่าสินเชื่ออาจจะยังเป็นภาพของการชะลอตัว เนื่องจากกลยุทธ์ของธนาคารที่หันมาเน้นสินเชื่อที่มีคุณภาพ และเข้มงวดในการให้สินเชื่อมากขึ้น แต่ภาพรวมของผลการดำเนินงานของ TTB ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่องซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานของ TTB ตลอดทั้งปี 67 และยังคงประมาณการกำไรของ TTB ในปี 67 ไว้เติบโต 21.4%

ขณะที่ราคาหุ้นของ TTB ที่ปรับตัวลงมาทำให้อัพไซด์ราคาเปิดกว้างขึ้น และผลตอบแทนจากเงินปันผลเพิ่มขึ้นมาที่ 7% ถือว่าอยู่ในระดับสูง ประกอบกับ ความกังวลในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นของ TTB ยังมีไม่มาก จากการที่แนวโน้มของ NPL คาดว่ายังทรงตัวในระดับ 2.6% และการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ปัจจัยของการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นจะไม่มีผลกดดันกำไรของ TTB และทำให้ผลการดำเนินงานของ TTB ยังสามารถทำได้ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง อีกทั้งได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับสูง โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2 บาท/หุ้น

ส่วน บล.กรุงศรี มีมุมมองว่า TTB ยังได้รับประโยชน์สิทธิพิเศษทางภาษีจากการควบรวมกิจการ เป็นปัจจัยหนุนกำไรในปีนี้ให้เติบโตได้ราว 11% แม้ภาพของการขยายสินเชื่อจะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม แต่ได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวสูง ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ยังสูงกว่า 3% เป็นปัจจัยหนุนกำไรของ TTB และคาดว่าในไตรมาส 3/67 หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังเห็นทิศทางของการเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ความเสี่ยงในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นของ TTB ยังไม่มี จากการควบคุมคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อที่ดีต่อเนื่อง และกลยุทธ์ของธนาคารที่หันมาเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพ ทำให้ความเสี่ยงการเพิ่มของ NPL มีน้อย และคาดว่าจะเห็น NPL ทรงตัวในระดับ 2.6% ทำให้ TTB เป็นหุ้น Top Picks ในกลุ่มแบงก์ แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.20 บาท/หุ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top