ดาวโจนส์ปิดบวก 36.26 จุด รับความหวังเฟดลดดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (27 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,164.06 จุด เพิ่มขึ้น 36.26 จุด หรือ +0.09%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,482.87 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด หรือ +0.09% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,858.68 จุด เพิ่มขึ้น 53.53 จุด หรือ +0.30%

สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องบินและสินค้าด้านอาวุธ ลดลง 0.6% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ถึงแผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ

ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และยังคงคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แม้เฟดส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ก็ตาม

นอกจากนี้ สหรัฐยังเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 ขยายตัว 1.4% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 1.3% แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 1.6%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้น 0.93% และ 0.90% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.50% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.32%

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลง และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ดีดตัวขึ้นด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นอัลฟาเบทและหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ปรับตัวขึ้น 0.83% และ 1.25% ตามลำดับ ส่วนหุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 2.19% หลังจากมาร์เก็ตแคปของบริษัทพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ร่วงลง 7.11% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4 ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่เคยคาดหวังไว้ว่ารายได้ของบริษัทจะได้รับแรงหนุนจากกระแสการตอบรับเทคโนโลยี AI มากกว่านี้

หุ้นลีวาย สเตราส์ (Levi Strauss) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยยีนส์รายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 15.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานจะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top