AMATAV เร่งโอนที่ดินล็อตใหญ่ 70-80 เฮกเตอร์กระจุกตัวครึ่งปีหลังดันรายได้โตพุ่ง

นางสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อมตะ วีเอ็น (AMATAV) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการโอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเร่งตัวขึ้น คาดว่าจะมียอดโอนราว 70-80 เฮกเตอร์ จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 100 เฮกเตอร์

ช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้ดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ กับหน่วยงานภาครัฐของเวียดนามเพื่อขออนุมัติการขายที่ดิน ซึ่งใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ทำให้การโอนส่วนใหญ่กระจุกตัวในครึ่งปีหลัง และอาจมีบางส่วนที่จะต้องไปทยอยโอนในต้นปี 68

บริษัทยังมั่นใจเป้าหมายรายได้ในปี 67 เติบโต 15-20% จากเป้าหมายหลักที่จะผลักดันการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% ขณะที่ปีนี้ยังเดินหน้าลงทุนตามแผนที่ตั้งงบลงทุนไว้ 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองรับการพัฒนาที่ดินและสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือและภาคใต้ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ เบียนหัว 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนเฟสสุดท้าย 130-140 ไร่, นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลองถั่น 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใช้เวนคืนที่ดิน ก่อสร้าง วางระบบสาธารณูปโภค และพลังงานทางเลือก ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เน้นใช้จัดหาที่ดินเป็นหลักเนื้อที่กว่า 300 เฮกเตอร์

ล่าสุด นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ฮาลอง ได้พันธมิตรใหม่จบกญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน คือ บริษัท MC Economic Estate Development Vietnam Corporation (MRBN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท Marubeni Corporation โดยจะมีส่วนช่วยผลักดันกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมญี่ปุ่นหันเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ตามความต้องการของรัฐบาลเวียดนาม เพื่อให้การลงทุนของแต่ละสัญชาติในเวียดนามเกิดความสมดุล และมีความหลากหลาย จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจากจีน

นางสมหะทัย กล่าวอีกว่า ภาพรวมของนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามยังเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลเวียดนามพยายามผลักดันและดึงดูดนักลงทุน มีนโยบายที่ชัดเจน และพัฒนาระบบโลจิสติกส์และสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ครบถ้วน รวมถึงค่าแรงยังไม่สูงมาก ทำให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ จากผู้ประกอบการระดับโลก ซึ่งบริษัทได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลเวียดนามในการเตรียมจัดหาที่ดินรองรับให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ยังมีการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม โดยมีการสร้างโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม โดยบริษัทมีเป้าหมายจะลงทุนเพิ่มในอนาคต ทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้มากขึ้น และมีโอกาสสร้างรายได้มากกว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยวางเป้าระยะยาวจะมีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการให้บริการสาธารณูปโภคในสัดส่วน 50% จากปัจจุบันมีไม่มากนัก ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทมีความยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top