เอกสารที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ยื่นต่อศาลในสหรัฐระบุว่า นายมิลอยโก สปายิช นายกรัฐมนตรีของมอนเตเนโกรได้เข้าลงทุนเป็นการส่วนตัวในสกุลเงินดิจิทัลของบริษัทเทอร์ราฟอร์ม แลบส์ (Terraform Labs) เป็นเวลาหลายปีก่อนที่บริษัทคริปโทเคอร์เรนซีแห่งนี้จะประสบภาวะล้มละลาย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้นำไปสู่การตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดนายโด ควอน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทอร์ราฟอร์ม แลบส์ จึงเลือกมอนเตเนโกรซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ในคาบสมุทรบอลข่านเป็นที่กบดานเมื่อครั้งที่เขาพยายามหลบหนีจากการดำเนินคดี โดยนายควอนถูกตัดสินจำคุกในมอนเตเนโกรเมื่อเดือนมี.ค. 2566 โทษฐานเดินทางโดยใช้พาสปอร์ตปลอม นอกจากนี้ นายควอนยังเผชิญกับกรณีที่สหรัฐและเกาหลีใต้ต่างก็เรียกร้องให้รัฐบาลมอนเตเนโกรส่งตัวเขากลับไปรับโทษ
ทั้งนี้ นายสปายิช วัย 36 ปีซึ่งเคยเป็นอดีตนายธนาคารและเป็นผู้สนับสนุนนักการเมืองตะวันตก เคยกล่าวอ้างเมื่อไม่นานมานี้ว่า บริษัทดาส แคปิตอล เอสจี (Das Capital SG) ซึ่งเขาเป็นหุ้นส่วนนั้น เป็นผู้ที่เข้าไปลงทุนถือครองสกุลเงินดิจิทัลของบริษัทเทอร์ราฟอร์ม แลบส์
ด้านหนังสือพิมพ์วีเจสตี (Vijesti) ซึ่งเป็นสื่ออิสระของมอนเตเนโกรและเป็นสื่อแห่งแรกที่เปิดโปเรื่องดังกล่าวได้ระบุว่า เม็ดเงินที่ลงทุนกับบริษัทเทอร์ราฟอร์ม แลบส์ เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 90 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรีของนายสปายิชได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวทั้งจากอีเมลและโทรศัพท์ และนายสปายิชได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วีเจสตี
เอกสารที่ SEC ยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐยังระบุด้วยว่า นายสปายิชได้ลงทุนกับบริษัทเทอร์ราฟอร์ม แลบส์ก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมอนเตเนโกร โดยเขาเข้าลงทุนในเดือนเม.ย. 2561
ในเดือนมิ.ย. 2566 นายควอนซึ่งถูกสหรัฐและเกาหลีใต้ออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ได้ถูกศาลของประเทศมอนเตเนโกรตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 เดือนในข้อหาเดินทางเข้าประเทศด้วยการใช้หนังสือเดินทางปลอม
ทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ต่างก็ต้องการให้มอนเตเนโกรส่งตัวนายควอนมารับโทษในกรณีการล่มสลายของสเตเบิลคอยน์เทอร์รายูเอสดี (TerraUSD) และเหรียญลูนา (Luna) ที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเป็นจำนวนเงินสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ในเดือนก.ย. 2565 ศาลเกาหลีใต้ออกหมายจับนายควอนในหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงการละเมิดกฎหมายตลาดทุนของเกาหลีใต้ หลังจากเหรียญสเตเบิลคอยน์ TerraUSD ทรุดตัวลงอย่างหนัก ส่งผลให้เหรียญเทเธอร์ (Tether) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์สกุลใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงหลุดจากมูลค่า 1 ดอลลาร์ที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
ต่อมาในเดือนก.พ. 2566 สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงรัฐนิวยอร์ก เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายควอนในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน โดย SEC ระบุในคำร้องว่า นายควอนได้ก่อตั้งแพลตฟอร์มเทอร์ราฟอร์ม แลบส์ และได้มีการพัฒนาเหรียญคริปโทฯ 2 ชนิดซึ่งสร้างความเสียหายต่อตลาดคริปโทฯ ทั่วโลกในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นายควอนได้ทำการระดมเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากนักลงทุนตั้งแต่เดือนเม.ย. 2561 ด้วยการขายสินทรัพย์ดิจิทัลหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่มีการจดทะเบียน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มิ.ย. 67)
Tags: Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ, โด ควอน