หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นยืนเหนือ 1,300 จุดรับตัวเลขศก.สหรัฐต่ำคาด-FTSE Rebalance หนุน

นักวิเคราะห์ ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งผันผวนลุ้นยืนเหนือ 1,300 จุด ขานรับเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายรายการออกมาต่ำคาด ทำให้คาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย ขณะที่หุ้นธุรกิจพลังงานต้นน้ำวันนี้มีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดีดขึ้น อีกทั้งจะมีการปรับพอร์ต FTSE Rebalance คาดหวังแรงซื้อราว 2,000 ล้านบาท ให้แนวรับที่ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,315 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งผันผวน ลุ้นยืนเหนือระดับ 1,300 จุด ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อวานนี้ออกมาต่ำกว่าคาด โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 238,000 ราย แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 235,000 ราย ส่วนตัวเลขตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนพ.ค.ของสหรัฐลดลง 5.5% สู่ระดับ 1.277 ล้านยูนิต ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 1.38 ล้านยูนิต ด้วยเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย มองเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้น หลังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาด เป็นปัจจัยหนุนต่อธุรกิจพลังงานต้นน้ำ โรงกลั่น

ขณะที่คาดว่าจะมีการปรับพอร์ตรับ FTSE Rebalance ชุดใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อราคาปิดวันนี้ คาดว่าจะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยราว 2,000 ล้านบาท ช่วยหนุนวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้น น่าจะช่วยพยุงดัชนีได้หลังจากรับแรงกดดันจากการขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง

ให้แนวรับที่ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,315 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,134.76 จุด เพิ่มขึ้น 299.90 จุด หรือ +0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,473.17 จุด ลดลง 13.86 จุด หรือ -0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,721.59 จุด ลดลง 140.64 จุด หรือ -0.79%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,608.66 จุด ลดลง 24.36 จุด หรือ -0.06% แต่หลังจากเปิดตลาดได้ 15 นาที ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้น 61.65 จุด หรือ +0.16% สู่ระดับ 38,694.67 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มิ.ย.) 1,298.29 จุด ลดลง 5.53 จุด (-0.42%) มูลค่าซื้อขาย 37,919.30 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,906.59 ล้านบาท (20 มิ.ย.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. (20 มิ.ย.)เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 82.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มิ.ย.) อยู่ที่ 3.9 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.73 แนวโน้มผันผวนทางอ่อนค่า จับตาทิศทางราคาทอง-Flowเ
  • “ตลาดหุ้นไทย” 10 ปีที่ผ่านมา “นักลงทุนต่างชาติ” เทขายต่อเนื่องกว่า “1 ล้านล้าน” ไทยรั้งท้ายอาเซียน สัดส่วนถือครองลดลง 10% เดิม 37% ล่าสุด 6 เดือนแรกปี 67 “ขายสุทธิ” กว่า “แสนล้าน” ด้าน “บล.กสิกรไทย” เผย 5 สาเหตุทำหุ้นไทยดิ่งหนัก “จีดีพีโตต่ำ-กำไรต่อหุ้น ราคาทรุด-ภาคผลิตอยู่ในอุตสาหกรรมเก่า” ยก 4 คดีการเมืองกดดัน เผย “กองทุน เฮดฟันด์ท็อปภูมิภาค” ส่งสัญญาณกรณีเลวร้ายสุด อาจกระทบงบปี 68 ส่อล่าช้าเหมือนงบปี 67 ชี้ 20 วัน “การเมืองป่วน” ต่างชาติผวาเทขายเกือบ 4 หมื่นล้าน ดัชนีหุ้นไทยต่ำสุดรอบ 4 ปี
  • บล.กรุงศรี แนะจับตาการเมืองชัดเจน มาตรการคุมเข้ม “ชอร์ตเซล” หนุนหุ้นไทยรีบาวด์ ให้แนวต้าน 1,315 จุด ส่วนแนวรับ 1,290-1,295 จุด ขณะที่ FTSE เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย 55 ล้านเหรียญฯ SAWAD BGRIM CPF และ MINT เฉลี่ยราว 20 ถึง 10 ล้านเหรียญฯ มีผลราคาปิดวันนี้ ส่วน FTSE Micro Cap มีหุ้นเข้าคือ SAFE และ TAN
  • “คลัง” เผยผลจัดเก็บ รายได้รัฐ 8 เดือนแรกปีงบประมาณ 67 พลาดเป้า 2.6 หมื่นล้าน เหตุสรรพสามิต จัดเก็บภาษีรถยนต์และยาสูบต่ำกว่าคาด รวมทั้งมาตรการลดภาษีน้ำมันช่วงต้นปี “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 เติบโต 2.6% จากเดิมที่ 2.8%
  • จับตา’เศรษฐา’หัวโต๊ะ กพช. 25 มิ.ย.เคาะไดเร็กต์พีพีเอ ดูดลงทุนทั่วโลก ปลัดพลังงานแย้มมาตรการคืบหน้า เล็งนำร่อง 50 เมก แต่ราคาสูงกว่าไฟปกติเพราะใช้พลังงานสะอาด 100% เริ่มดำเนินการภายในปีนี้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 2.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.8% ตามการลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐที่ต่ำกว่าคาด ประกอบกับการส่งออกไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด

*หุ้นเด่นวันนี้

  • WHA (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 6.25 บาท ราคาหุ้นลดลงเนื่องจากผู้ถือหน่วย WHART ไม่อนุมัติซื้อสินทรัพย์จาก WHA ราว 4.29 พันลบ.ในทางตรงกันข้ามผู้ถือหน่วยอนุมัติซื้อพื้นที่ 40,000 ตร.ม.อาคารโรงงาน (RBF) และคลังสินค้ามูลค่า 1.03 พันลบ.จาก WHA แม้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 67 ลง 15% เป็น 4.4 พันลบ. หลังจากปรับปีฐาน TP ไปเป็นกลางปี 2567 ราคาเป้าหมายของเราไม่เปลี่ยนแปลงที่ 6.25 บาท
  • TTB (กรุงศรี) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.2 บาท มีมุมมอง Neutral ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 คาด 5.42 พันลบ. เพิ่มขึ้น +19% y-y และ +2% q-q เพราะ i) ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเผื่อความไม่แน่นอนในอนาคตก้อนใหญ่เหมือนในไตรมาส 1/67 ii) ผลประโยชน์ทางภาษีจากเลิกกิจการ บ.ย่อย คือ บริษัท ทีบีซีโอ เดิมคือ ธนาคารธนชาต (TBANK) ผลดำเนินงานธุรกิจหลัก (PPOP) ลดลง -4% y-y และ -6% q-q กดดันจากการลดลงของรายได้รวม ทั้งสินเชื่อรวม NIM และรายได้ค่าธรรมเนียม ภาพรวมยังชอบ TTB และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคารคู่กับ KTB (BUY, TP 21 บ.) เพราะกำไรสุทธิปี 2567 เติบโตเด่น +11% y-y มากกว่ากลุ่มธนาคารที่ +6% y-y และผลกระทบเชิงลบเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองจำกัด
  • TRUE (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.15 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 แม้ออกมาขาดทุนแต่หลักๆ มาจากรายการพิเศษ ขณะที่ Operation ปกติดีขึ้นอย่างมีนัย ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกลับมามีกำไรได้ (จากขาดทุนใน Q1/67 และ Q2/66) ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์กำไรปี 67 ที่ 923 ลบ. พลิกกำไรจากขาดทุนในปีก่อน ยังประเมินการดำเนินงานทยอยดีขึ้นต่อเนื่อง ได้ประโยชน์จาก 1.ฐานลูกค้าจาก DTAC 2. Blended ARPU ที่สูงขึ้นจาก User ที่ migrate package มาเป็น 5G และ 3.ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่มีโอกาสลดลงจากการแข่งขันที่ผ่อนคลายขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มิ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top