“พริษฐ์” ชำแหละงบปี 68 ไม่เน้นยกระดับการศึกษา แนะเจียดงบดิจิทัลวอลเล็ตหนุน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า งบประมาณปี 68 สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลยังเลือกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนแจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ การลงทุนยกระดับทักษะของคนในประเทศ

ทั้งนี้ จากงบประมาณปี 68 เป็นงบด้านการศึกษา การเรียนรู้ และการยกระดับทักษะ รวม 5.1 แสนล้านบาท กระจายไป 14 กระทรวง ซึ่งพบปัญหาหลัก ๆ 3 ประเด็น คือ

1. งบเรียนรู้ที่ไม่เน้นเรียนรู้ เป็นงบที่ลงไปกับโครงการที่ดูดี แต่เมื่อดูในรายละเอียด กลับกลายเป็นการลงทุนไปกับกิจกรรมที่ไม่ส่งเสริมหรือยกระดับทักษะ เช่น โครงการพลิกโฉมผลิตภาพแรงงานไทย ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้งบ 381 ล้านบาท ซึ่งเกือบ 20% ใช้งบไปกับอาคารและสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น

2. ปัญหาที่ต่างคนต่างทำ ทำให้โครงการแต่ละหน่วยงานซ้ำซ้อนกัน รวมถึงมีแฟลตฟอร์มการเรียนรู้ทักษะทุกช่วงวัยที่มากเกินไป รวมถึงเนื้อหาการเรียนรู้แต่ละแฟลตฟอร์มซ้ำซ้อนกัน

3. การลงทุนที่ผู้เรียนไม่เลือก ผู้เลือกไม่ได้เรียน เพราะมีกระทรวงในการคิดแทนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีรัฐที่คิดแทนตลาดในการยกระดับทักษะแรงงาน

“การศึกษา เราจะตัดเสื้อให้เข้ากับเด็กแต่ละคนที่มีความชอบ ความถนัดไม่เหมือนกันไม่ได้เลย ตราบใดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีความใกล้ชิดกับผู้เรียน ยังไม่มีอำนาจในการตัดสินใจว่างบประมาณที่ใช้ในโรงเรียนของเขานั้น จะใช้ไปกับอะไร เพราะที่สังเกตเห็น คือ เมื่อให้กับโรงเรียนก็จะแบ่งเป็น 5 ก้อน ซึ่งเป็นการสร้างข้อจำกัดของการใช้งบเป็นอย่างมาก” นายพริษฐ์ กล่าว

 

แนะแบ่งงบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” หนุนยกระดับทักษะทุกช่วงวัย

นายพริษฐ์ ได้เสนอแนวทางการจัดงบประมาณให้ตอบโจทย์การยกระดับทักษะการเรียนรู้ ดังนี้

1.อัดฉีดงบฯ ให้ท้องถิ่นดูแลเด็กเล็กใน 1,000 วันแรก และต้องอัดฉีดงบ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อสามารถขยายวัน-เวลาเปิดศูนย์เด็กเล็กที่มีอยู่แล้ว เปิดได้ถึงเย็นและเปิดได้ตลอดปี รวมถึงขยายช่วงอายุเด็ก ที่ส่วนกลางอุดหนุนท้องถิ่นสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ

2.ระเบิดงบการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระจายให้โรงเรียน ครู และนักเรียน โดยให้กระทรวงจัดสรรงบไปที่โรงเรียนเป็นก้อนเดียว และให้โรงเรียนไปบริหารจัดการเอง

3.การลงทุนในเมกะโปรเจคท์ด้านทักษะ โดยเปลี่ยนการลงทุนจากเบี้ยหัวแตกที่ต่างคนต่างทำ กระจายไปในหลายโครงการ มาเป็นการรวมพลังกันทำ รวมทรัพยากรมากระตุ้นผ่าน 1 โครงการหลัก และรัฐต้องตั้งงบเพื่ออุดหนุนประชาชนให้เข้ามาเรียน ผ่านการอุดหนุดคูปองฝึกทักษะ 3 รูปแบบ ได้แก่ ทักษะพื้นฐาน เช่น ทักษะภาษา หรือทักษะดิจิทัล, ทักษะเชิงลึก เช่น ทักษะสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่อีวี และทักษะชีวิต เช่น ทักษะเลี้ยงเด็ก ทักษะสังเกตอาการสุขภาพจิต

“หากท่านกังวลว่าเราจะหางบบประมาณมาจากไหน ได้ยินว่าปีนี้มีโครงการที่น่าจะใช้งบประมาณมากกว่าที่พูดถึง 10 เท่า ด้วยเหตุผลที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้า หวังว่าถ้าจะขอใช้งบประมาณ 10% ของมูลค่าโครงการนั้น เพื่อมาใช้ในการยกระดับทักษะของคนทุกช่วงวัย หวังว่าจะไม่เป็นการขอที่มากจนเกินไป” นายพริษฐ์ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top